<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ชาวเซี่ยงไฮ้ออกมาเผยถึงรายละเอียดที่แท้จริงเกี่ยวกับการแบนการขุด Bitcoin ในจีน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Liu He รองนายกรัฐมนตรีของจีนและสมาชิกของ Politburo เป็นผู้นำในการประชุมเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งได้ตัดสินใจปราบปรามการขุดบิทคอยน์และการซื้อขาย จนส่งผลเสียต่อผู้ที่หวังว่าจะได้เห็นสภาพแวดล้อมการกำกับดูแลที่เปิดกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสัญญาณที่แสดงถึงความจริงจังในการบังคับใช้กฎดังกล่าว โดยเขตปกครองตนเองมองโกเลียได้มีการจัดตั้งสายด่วนสำหรับการแจ้งหรือรายงานการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว

BTC.TOP เหมืองที่มีแฮชเรท 2.5% ของปริมาณเหมืองขุดทั่วโลก และมีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ได้ประกาศปิดกิจการทันที แต่นั่นก็ไม่ได้หยุด Jiang Zhuo ผู้ก่อตั้ง BTC.TOP ที่ได้ประกาศว่าบิทคอยน์เป็นเครื่องมือที่จีนสามารถใช้ เพื่อสลายการผูกขาดเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าระหว่างประเทศได้

ด้วยบทบาทที่ไม่น่าไว้วางใจของชุมชนเหมืองในจีน ที่อาจคุกคามความสามารถในการกระจายศูนย์ของระบบ ทำให้บางคนเห็นด้วยกับการแบนดังกล่าว อย่างไรก็ตามการสั่งแบนการขุดบิทคอยน์ของจีน ก็ไม่ได้ส่งผลให้จีนสูญเสียอิทธิพลในอุตสาหกรรมคริปโตแต่อย่างใด

Dovey Wan หุ้นส่วนของ Primitive Capital ชี้ให้เห็นว่านักขุดกำลังย้ายออกจากจีน แต่การลงทะเบียนและตั้งฐานการดำเนินงานในภูมิภาคอื่น อย่าง สหรัฐฯ, คาซัคสถาน หรือแม้แต่แอฟริกา ไม่ได้ทำให้ความเป็นเจ้าของในบิทคอยน์ที่ถูกขุดโดยนักขุดจีนหายไป เพียงแต่ทำให้การรวมศูนย์ของเครือข่ายติดตามได้ยากขึ้น

ทางด้านแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีเองก็ไม่ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบดังกล่าวมากนัก เนื่องจากในปัจจุบัน แพลตฟอร์มทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศ, มีเซิร์ฟเวอร์อยู่นอกประเทศ, และรองรับฐานผู้ใช้ที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้หน่วยงานในประเทศไม่สนใจที่จะแทรกแซงการดำเนินการเหล่านี้ เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมาย

โดยแพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนชื่อดังอย่าง Huobi ได้มีการระงับการซื้อขาย Futures สำหรับผู้ใช้ชาวจีน เพียงชั่วคราวเท่านั้น และแพลตฟอร์มซื้อขายสัญญาอนุพันธ์อย่าง Bybit ได้เปิดเผยว่าพวกเขาจะทำการปิดบัญชีที่ลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์ของจีนในวันที่ 15 มิถุนายนที่จะถึง เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ของแพลตฟอร์มดังกล่าวไม่ใช่ชาวจีน ทำให้การปิดบัญชีจะส่งผลกระทบน้อยกว่าการให้บริการผู้ใช้ชาวจีนต่อไป

ขณะเดียวกันฮ่องกง หรือเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ได้มีการห้ามนักลงทุนรายย่อยทำการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี โดยการผลักดันมาตรการที่จะกำหนดเกณฑ์คุณสมบัตินักลงทุนที่ต้องมีเงินลงทุนอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ 

Christopher Hui รัฐมนตรีกระทรวงบริการทางการเงินและกระทรวงการคลังของฮ่องกง เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการปกป้องนักลงทุน, ยับยั้งการครอบงำตลาด, ป้องกันการฟอกเงิน, และการก่อการร้ายทางการเงิน ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้การติดตามคริปโตเคอร์เรนซีในฮ่องกงเป็นเรื่องง่ายขึ้น

สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นชัยชนะสำหรับประเทศจีน ที่สามารถเข้าใกล้เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน จากการลดจำนวนเหมืองบิทคอยน์ลง พร้อมกับทำให้หยวนดิจิทัลหรือ eCNY เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ในประเทศ 

และท้ายที่สุดผลกำไรจากการขุดและการแลกเปลี่ยนในต่างประเทศ จะยังคงไหลกลับสู่สำนักงานบริษัทแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนและการขุดในประเทศจีนเหมือนเดิม