ธนาคารกลางแห่งประเทศญี่ปุ่นได้มีการอนุมัติให้ใช้คริปโตเคอร์เรนซีอย่างสาธารณะ และยังสนับสนุนธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี อย่างเช่น บริการการแลกเปลี่ยนและกระเป๋าเงินคริปโต
ตามข้อมูลจาก CoinGecko เมื่อวานนี้ ประเทศญี่ปุ่นมีมูลค่าการซื้อขายคริปโตกันมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์บนแพลตฟอร์มในประเทศ โดยเฉพาะเหรียญอย่าง บิทคอยน์ (BTC), Ethereum (ETH), และ MonaCoin (MONA)
ขณะเดียวกัน Bloomberg ได้รายงานข่าวการสัมภาษณ์ Haruhiko Kuroda เมื่อวานนี้ว่า ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับกรณีการใช้งานบิทคอยน์ ว่าสินทรัพย์ดังกล่าวมีลักษณะที่ถูกใช้ในการลงทุนเก็งกำไรเพียงเท่านั้น
“การซื้อขายส่วนใหญ่มีลักษณะที่เป็นการเก็งกำไรและมีความผันผวนสูง มันไม่ค่อยถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการชำระเงิน” Kuroda กล่าว
โดยขณะนี้ทางธนาคารกลางแห่งประเทศญี่ปุ่นได้เปลี่ยนความสนใจมาที่ Stablecoins ซึ่งเงินเยนดิจิทัลกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบในระบบ Sandbox ที่ให้ความสำคัญกับการเลิกใช้เงินกระดาษ ในสถานการณ์วิกฤตไวรัสโคโรน่าที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
Kuroda กล่าวว่า Stablecoins นั้นแตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ ตรงที่มันมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าจริงมาค้ำไว้ “Stablecoins จะเป็นไปตามมาตรฐานทางกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล และมันจะกลายเป็นวิธีการชำระเงินที่สะดวกสบายในอนาคต” เขากล่าวเสริม
แม้ Kuroda จะกล่าวว่าไม่มีใครใช้บิทคอยน์ในการชำระเงิน แต่ข้อมูลจาก YCharts ได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อวานนี้ บิทคอยน์ถูกใช้ในการทำธุรกรรมกว่า 214,000 รายการ เกือบเท่ายอดสูงสุดในปีนี้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่มีการทำธุรกรรมกว่า 398,000 รายการ
อย่างไรก็ตามจำนวนดังกล่าวก็ยังน้อยกว่า Ethereum ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ถูกใช้มากที่สุด โดยโปรโตคอลของ Ethereum ได้ถูกใช้เพื่อการทำธุรกรรมมากกว่า 1.2 ล้านรายการเมื่อวาน