เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการธนาคาร Goldman Sachs ได้เผยแพร่รายงานที่มีชื่อว่า “Crypto: A New Asset Class” ซึ่งได้กล่าวถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการเป็นสินทรัพย์ประเภทใหม่
นาย Jeff Currie นักวิจัยของ Goldman Sachs กล่าวว่า ศักยภาพของเทคโนโลยี blockchains ในการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดการข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในอุตสาหกรรมที่ความไว้วางใจเป็นกุญแจสำคัญนั้นทำให้มันมีความได้เปรียบเหนือกรอบการทำงานแบบดั้งเดิมอื่น ๆ เช่น การเงิน กฎหมายและการแพทย์ ซึ่งสัญญา Smart contract สามารถเปลี่ยนวิธีการถ่ายโอนข้อมูลเหล่านี้ได้
รายงานยังกล่าวอีกด้วยว่าการรวมตัวกันของสัญญา Smart contract บน Ethereum วันหนึ่งจะช่วยให้มันแซง Bitcoin ในฐานะเครือข่ายบล็อกเชนที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกได้ Jeff กล่าวว่า :
“สินทรัพย์ crypto ที่มีค่าที่สุดคือ ทรัพย์สินที่ช่วยตรวจสอบข้อมูลที่สำคัญที่สุดในระบบเศรษฐกิจ”
เขาอธิบายว่าเมื่อมีผู้ใช้นำข้อมูลของตนส่งไปยังบล็อกเชนมากขึ้น ความกังวลในเรื่องของความเป็นส่วนตัวก็จะหายไป ยกตัวอย่างเช่นข้อมูลทางการแพทย์ การเงินส่วนบุคคล การเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา
รายงานดังกล่าวทำให้นาย Mike Novogratz ผู้ก่อตั้ง Galaxy Digital ได้ออกมาแชร์มุมมองที่คล้ายกันเกี่ยวกับอนาคตของ Ethereum โดยเขากล่าวว่า :
“การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สุดในระบบนิเวศของคริปโต (crypto) นั้นมีอยู่ 3 อย่างด้วยกันคือ ระบบการชำระเงิน DeFi และ NFT ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนถูกสร้างขึ้นบน Ethereum ดังนั้นยิ่งมีคนใช้มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งสร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมามากขึ้นเท่านั้นและในที่สุดราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย”
อย่างไรก็ตามราคาของ Ethereum ได้ปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงกว่า 40% จากจุดสูงสุดตลอดกาล แต่ถึงอย่างนั้นกรณีการใช้งาน Ethereum ก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดย Jeff คาดการณ์ว่าศักยภาพของเครือข่าย ETH จะเทียบได้กับตลาดข้อมูลของ Amazon ในอนาคต :
“แพลตฟอร์มบล็อกเชนเช่น Ethereum อาจกลายเป็นตลาดข้อมูลขนาดใหญ่ที่สามารถเชื่อถือได้คล้ายกับ Amazon ในปัจจุบัน”