<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ก.ล.ต. สหรัฐฯเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับกองทุน Bitcoin ETF ของ VanEck ออกไปอีกครั้ง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (SEC) ได้ชะลอการตัดสินใจเกี่ยวกับกองทุน ETF บิทคอยน์ของ VanEck อีกครั้ง หลังจากการขอขยายเวลา 45 วันเมื่อเดือนเมษายน โดยมีเส้นตายกำหนดการรอบใหม่ในเดือนกรกฎาคม ปี 2021

โดยครั้งนี้ก.ล.ต. จะขอความคิดเห็นจากสาธารณะเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จัดทำโดย Cboe Global Markets และถึงแม้ว่าข่าวดังกล่าวจะสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน แต่ก็เป็นเพียงการชะลอการตัดสินใจเท่านั้นไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอการจัดตั้งกองทุน ETF บิทคอยน์

เนื่องด้วยความกังวลเรื่องการคุ้มครองนักลงทุนของก.ล.ต. ที่กองทุน ETF บิทคอยน์จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในบิทคอยน์และตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวมาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้นสำหรับนักลงทุน

ก่อนหน้านี้ก.ล.ต. เคยได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดคริปโต ซึ่งเป็นสาเหตุหลักเบื้องหลังของการตัดสินใจที่ล่าช้า และการปรับฐานครั้งล่าสุดของบิทคอยน์ที่มูลค่าลดลงกว่า 40% ดูจะทำให้ความกังวลเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเพิ่มขึ้น

ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการครอบงำตลาดและการฉ้อโกงยังคงมีอยู่ ทางก.ล.ต. ได้ตั้งคำถามถึง Cboe ว่าได้มีการดำเนินการป้องกันอย่างไร รวมถึงตั้งคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสของบิทคอยน์และการเปลี่ยนแปลงในช่วงห้าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังถามถึงการรองรับและข้อบังคับของสัญญาการซื้อขาย Bitcoin Futures อีกด้วย

แนวโน้มที่กองทุน ETF คริปโตเคอร์เรนซีจะได้รับการอนุมัติในสหรัฐฯ นั้นยังคงเป็นเพียงอากาศ อย่างไรก็ตามทาง VanEck ยังได้ยื่นเรื่องขออนุมัติการจัดตั้งกองทุน ETF Ethereum ไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

Gabor Gurbacs ผู้อำนวยการของ VanEck ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของประเทศยอมรับในบิทคอยน์ โดยกล่าวว่าในตลาดคริปโตมีมูลค่าที่เป็นไปได้หลายล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่ล้าหลังในการแข่งขันด้านคริปโตเคอร์เรนซี เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งทางเศรษฐกิจอย่างจีนหรือประเทศที่กำลังพัฒนา

ถึงแม้ว่ากองทุน ETF บิทคอยน์ของ VanEck จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตามทางก.ล.ต. ยังคงมีคำร้องขออนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF อื่น ๆ อีกมากมายให้พิจารณา อาจเป็นไปได้ว่าทางก.ล.ต. และหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ กำลังให้ความสำคัญกับกรอบการควบคุมคริปโตให้กว้างขึ้นก่อน ซึ่งตลาดควรจะทราบความคืบหน้าในเรื่องนี้ก่อนสิ้นปี