<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

การยอมรับ Bitcoin ของ Amazon จะมาเปลี่ยนแปลงสิ่งไหนไปตลอดกาลบ้าง?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Amazon ปฏิเสธรายงานว่าจะยอมรับการชำระเงินด้วย Bitcoin ในเร็ว ๆ นี้ แต่ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจะเปิดรับโทเคน

บางที Amazon ไม่ได้เตรียมที่จะรับ Bitcoin (BTC) ในการชำระเงินค่าสินค้าและบริการก่อนสิ้นปี และ Apple อาจไม่ได้มีแผนที่จะเพิ่ม Bitcoin มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ในงบดุล แม้ว่าทั้งสองเหตุการณ์จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันและยังคงเป็นคำถามที่ค้างคาใจนักลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ต่อไป

ซึ่งหากพูดถึงเรื่องดังกล่าวแล้วเมื่อใดที่ทั้งคู่นั้นก้าวเข้ามาในอุตสาหกรรมคริปโต แล้วมันส่งจะส่งผลไปในทิศทางไหนกันแน่? ซึ่งหลายคนได้มองว่ามันจะกระตุ้นการยอมรับ crypto หรือแม้กระทั่งการผลักดัน Bitcoin ให้เป็นสกุลเงินดิจิทัลกลางในการแลกเปลี่ยน

ที่ผ่านมา Kapil Rathi ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ CrossTower ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มการซื้อขาย crypto ระดับสถาบัน ได้ถูกขอให้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ของข่าว Amazon ที่จะเปิดรับบิทคอยน์ในสิ้นปีนี้ แต่ก็ถูกปฏิเสธโดย Amazon ซะเองในขณะที่ราคาของ บิทคอยน์นั้นกำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่ง Roman Beck ได้ออกมาเปิดเผยว่าการที่ Amazon ออกมาปฏิเสธนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อคริปโทเคอร์เรนซี่เท่าไหร่ แม้ว่าจะทำให้ราคานั้นลดลงก็ตาม

การยอมรับ Bitcoin อาจจะส่งผลดีกว่าในอุตสาหกรรม E-Commerce

Amazon อาจเป็นกำลังสำคัญในการสร้างโทเคนของอุตสาหกรรม e-commerce แต่ที่ผ่านมากลับทำให้ตัวเองนั้นเสียโอกาสเสียเอง และดูเหมือนว่า Amazon จะสูญเสียปีอันมีค่าในการกลายมาเป็นผู้นำทางดิจิทัล 

แม้ว่า Apple นั้นประกาศว่าจะทำการซื้อบิทคอยน์มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์เองก็ตามแต่ก็ยังไม่เห็นถึงความคืบหน้าใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เองสร้างความไม่พอใจให้กับชุมชนคริปโตและนักลงทุนสถาบันอีกจำนวนมาก

Taylor Monahan ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ MyCrypto เองได้บอกว่า “ทุกวันนี้การที่บริษัทออกมาประกาศว่าพวกเขากำลังถือครองคริปโทเคอร์เรนซี่อยู่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่แปลกใหม่อีกต่อไปแล้ว”

Pat White CEO ของ Bitwave ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านภาษีและการบัญชีดิจิทัล ยังบอกอีกว่า “Amazon ทนต่อแรงกดดันของลูกค้าไม่ได้และพวกเขาคงจะชอบมากหากต้องสร้างเหรียญของตัวเองลงในแพลทฟอร์มการซื้อขาย” พร้อมทั้งไม่เชื่อว่า Amazon จะไม่เข้ามาในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี่เพียงแต่พวกเขารอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

Kapil Rathi เองก็สนับสนุนความคิดเห็นของ White ว่าการที่ Amazon ปฏิเสธการรับบิทคอยน์นั้นเป็นการเสียโอกาสเนื่องจากหากเทียบกับบริษัทรายใหญ่อื่น ๆ นั้นแทบจะบอกได้ว่าเร็วกว่าเลยด้วยซ้ำ และมันเป็นเพียงทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับการชำระเงินเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นบิทคอยน์อาจจะไม่ใช่เหรียญทางเลือกที่ Amazon ได้มองไว้เพราะยังคงมีคริปโทเคอร์เรนซี่อีกหลายประเภท ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของ Amazon ที่มีต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี่

ส่วนสำคัญทางธุรกิจต่อ Bitcoin?

รูปภาพจาก envato element

หากมองในส่วนสำคัญว่าเมื่อ Amazon กลับคำมายอมรับ BTC นั้นโดยพื้นฐานในมุมมองทางธุรกิจแล้วนั้นอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นและรวมถึงสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ด้วย และอาจจะเป็นข่าวใหญ่มากกว่านี้หาก Paypal เข้ามาสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ด้วยในเดือนตุลาคม

Lawrence White แห่งมหาวิทยาลัย George Mason เห็นพ้องต้องกันว่าการยอมรับ BTC ของ Amazon จะทำให้เหรียญคริปโทเคอร์เรนซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีศักยภาพมากขึ้นในฐานะสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน

แต่ก็ทั้งนี้เองเขาก็ได้ยกตัวอย่างถึงบริษัท e-commerce อย่าง Overstock ที่เริ่มรับการชำระเงินด้วย BTC ตั้งแต่ปี 2014 นั้นจะทำยอดขายในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2020 ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ตามรายงานของ New York Times แต่มีจำนวนเพียง 30,000 ถึง 50,000 ดอลลาร์ต่อปีเท่านั้นที่มีการจ่ายผ่านสกุลเงินดิจิทัล

Roman Beck มีมุมมองที่แตกต่างออกไปหากต้องเปรียบเทียบกับ Facebook ที่ประกาศจะพัฒนา Libra/Diem ซึ่งนั่นเป็นส่วนสำคัญสำหรับเทคโนโลยีใหม่และเตรียมพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมอื่น ๆ พร้อมทั้งยังกล่าวอีกว่า Amazon นั้นมาช้าเกินไปที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในตอนนี้ แต่หากเข้ามาแล้วนั้นจะมีผลต่อความต้องการบิทคอยน์อย่างแน่นอน

การปราบปรามในอดีตทำให้มีโอกาสน้อยลง?

การเข้ามาของบริษัทยักใหญ่ด้านเทคโนโลยีถึง 2 บริษัทที่พร้อมจะก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี่นั้น อาจทำให้การปราบปรามคริปโตในสหรัฐฯ ลดน้อยลงหรือไม่นั้นยังคงเป็นปริศนาต่อไป

ที่ผ่านมารัฐบาลนั้นพยายามที่จะปราบปรามและสั่งห้ามเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนดังกล่าว แม้ว่าว่าจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแต่ยังคงไม่อาจที่จะหยุดยั้งได้อย่างเต็มที่ตราบใดที่ BTC นั้นเป็นแบบ Peer to Peer แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะกำจัดการแลกเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพที่สุดออกไป

ในขณะเดียวกันข่าวลือของ Amazon และ Apple ก็ทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง เช่น การที่ราคาของ BTC เพิ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในความผันผวนที่รุนแรงที่สุดของตลาดต่อข่าวเพียง 1 ข่าว

โดยรวมแล้วการยอมรับบิทคอยน์นั้นทำให้หลายคนมองย้อนไปถึงปี 2556 ที่สามารถใช้บิทคอยน์ชำระเงินได้ และหลังจากนั้นเองก็ทำให้ราคาของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีบริษัทจำนวนมากยอมรับมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่มันอาจจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ให้กับบิทคอยน์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า