คำว่า “Uptober” คือคำที่นักเทรดคริปโตเรียกตลาดในช่วงนี้ คือการนำคำว่า Up ที่แปลว่าขึ้นมาผสมกับคำว่า October ที่แปลว่าเดือนตุลาคม เมื่อมารวมกันความหมายนั้นก็ค่อนข้างง่ายดาย นั่นก็คือตลาดขาขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมนั่นเอง
เราได้เห็นการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าตลาด เพิ่มขึ้นจาก 40,996 ดอลลาร์ในวันที่ 29 กันยายนไปที่ 48,436 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ โดยภายหลังจากนั้นไม่นานราคาก็ได้ร่วงลงมาเพื่อปรับฐานอยู่ที่ 47,606 ดอลลาร์
การเพิ่มขึ้นของ Bitcoin เมื่อวานนี้ส่งผลทำให้ราคาของเหรียญ Ethereum ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสอง เพิ่มขึ้นประมาณ 11% โดยมันได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเดือนที่ 3,315 ดอลลาร์ ก่อนร่วงลงเล็กน้อยสู่ราคาปัจจุบันที่ 3,288 ดอลลาร์
ตลาดคริปโตทั้งหมดเติบโตภายใต้ความสำเร็จของเหรียญสองอันดับแรก และตอนนี้มูลค่าตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ อ้างอิงจาก CoinMarketCap
“Uptober” อาจเกิดขึ้นจากสาเหตุทั้งหมด 2 ประการ
อย่างแรกคือการแบน crypto ล่าสุดของจีน ซึ่งบังคับให้นักเทรดคริปโตชาวจีนเป็นจำนวนมากต้องหันมาพึ่ง DeFi ตามรายงานของ Colin Wu นักข่าวคริปโต (crypto) ของจีน โดยหลายคนย้ายเงินไปยังโปรโตคอล DeFi อย่าง dYdX ส่งผลทำให้ราคาเหรียญเพิ่มขึ้นประมาณ 90% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข่าวสำคัญที่สองมาจากสหรัฐอเมริกา นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวกับสภาคองเกรสเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขา “ไม่มีเจตนาที่จะห้าม” คริปโตเคอเรนซี ต่างจากจีน
Powell กล่าวว่าเขาจะปฏิบัติต่อ Stablecoins แตกต่างไปจากเดิม เขากล่าวว่าผู้ออกเหรียญ stablecoin ควรได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นธนาคาร โดยเขากล่าวว่า
”Stablecoins เป็นเหมือนกองทุนตลาดเงิน มันเหมือนกับเงินฝากธนาคาร แต่อยู่นอกขอบเขตของกฎระเบียบในระดับหนึ่ง และเหมาะสมที่จะมีการควบคุม กิจกรรมเดียวกัน กฎระเบียบเดียวกัน”
ไม่มีใครรู้ว่าตลาดนั้นจะอยู่ในลักษณะ Uptober ไปจนถึงสิ้นเดือนแบบนี้เลยหรือไม่ หรือว่ามาแค่ช่วงต้นเดือน ดังนั้นนักเทรดจึงควรเทรดด้วยความระมัดระวัง