<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitkub กางแผนเตรียมขยายไป มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์-ลาว ปีหน้า ตั้งเป้าเป็น “Coinbase แห่งอาเซียน”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitkub หนึ่งในบริษัทกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่เติบโตอย่างรวดเร็วจนก้าวขึ้นเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นด้วยเวลาน้อยกว่า 4 ปี กำลังวางแผนที่จะนำเสนอสกุลเงินดิจิทัลและบริการที่หลากหลายในประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม “เพื่อที่จะกลายมาเป็น Coinbase ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง Bitkub กล่าว 

บริษัท Bitkub Online กำลังสำรวจโอกาสในการจัดตั้งหน่วยงานของตนเองหรือร่วมมือกับผู้เล่นที่มีอยู่ในประเทศต่าง ๆ เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และลาวในปีหน้า โดยเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์จะยังคงเหมือนกับ Bitkub

การขยายธุรกิจในภูมิภาคของ Bitkub นั้นได้รับแรงหนุนจากความสำเร็จในประเทศไทยที่มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 1,000% ต่อปี นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในปี 2018 

ก่อนที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา กระดานแลกเปลี่ยนจะถูกธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง SCB เข้าถือซื้อกิจการและถือหุ้นใหญ่กว่า 51% พร้อมกันนี้ Bitkub ยังเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ ‘เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ’ ที่เติบโตขึ้นจากเพียง 80 ล้านดอลลาร์เป็นหนึ่งพันล้านดอลลาร์ใน 5 ปีอีกด้วย

“กลยุทธ์ของเราคือ การขยายไปยังประเทศที่ยังไม่มีผู้ชนะที่ชัดเจนและมีการเข้าถึงบริการทางการเงินเพียงเล็กน้อย, มีอัตราการใช้โซเชียลมีเดียที่สูงและมีศักยภาพที่จะใช้สกุลเงินดิจิทัลในการโอนเงิน” จิรายุสกล่าว 

“การขยายธุรกิจนั้นสามารถทำได้โดยผ่านการลงทุนใหม่หรือการเข้าซื้อกิจการ เป้าหมายคือการเป็น Coinbase ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

สำหรับ Coinbase นั้นเป็นแพลตฟอร์มกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตเบอร์หนึ่งของสหรัฐฯ และจดทะเบียนในตลาด Nasdaq เมื่อช่วงต้นปี โดยถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับประโยชน์จากความสนใจคริปโต ที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน จนผลักดันให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกอยู่ที่ราว 2.75 ล้านล้านเหรียญในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี นายจิรายุสยืนยันว่า Bitkub จะหลีกเลี่ยงการทำตลาดในประเทศที่มีผู้เล่นรายใหญ่อยู่แล้ว เช่น  อินโดนีเซีย ซึ่งมี Indodax เนื่องจากกลยุทธ์ที่วางไว้อาจจะทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดใหม่ได้

และแม้ว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คริปโตเคอร์เรนซี และ NFT นั้นจะยังไม่ได้รับการยอมรับมากนัก แต่นายจิรายุส เชื่อว่าในอนาคตสกุลเงินดิจิทัลจะได้รับการสนับสนุนอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ตลอดไป

ที่มา bloomberg