<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้ร่วมก่อตั้ง Bitkub ‘ต้น สกลกรย์’ เผยถึงก้าวต่อไปของตลาด NFT ในปีหน้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ต้องยอมรับว่าปี 2021 นั้นกระแสของตลาดคริปโตนั้นได้รับความนิยมถึงขีดสุดผู้คนเข้าสู่ตลาดในจำนวนที่มากมายมหาศาลแต่อาจจะรู้จักเพียงแค่ Bitcoin หรือ เหรียญ altcoin เช่น Ethrereum (ETH), Cardano(ADA), Solana(SOL) ฯลฯ 

แต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้สิ่งที่มาแรงไม่ต่างจากกระแสของคริปโตนั้นคือ DeFi, GameFi และ NFT โดยในบทความนี้จะพูดถึง NFT ซึ่งทางเราได้มีการสนทนากับคุณต้น สกลกรย์ สระกวี ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Bitkub Capital Group Holdings และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด จะให้มุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับ NFT ไม่ว่าจะเป็นมุมมองส่วนตัวหรือโปรเจกต์ในอนาคตของ Bitkub อีกทั้งฝากกำลังใจถึงคนไทยที่มีความคิดที่จะอยากจะสร้าง NFT 

การเติบโตของตลาด NFT ในปีหน้า

เนื่องจากความเป็นกระแสของตลาด NFT ที่มีมากอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ทำให้อดสังสัยไม่ได้เลยว่าแล้วตลาดในปีหน้าทิศทางแนวโน้มของตลาด NFT จะไปในทิศทางใดซึ่งพี่ต้นมีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

“ตลาด NFT มีความเป็นไปได้ที่จะเหมือนกับตลาดคริปโตในช่วงปี 2017 ซึ่งคิดว่า NFT จะแพร่หลายมีปริมาณ supply ที่เพิ่มขึ้นซึ่งใคร ๆ ก็สามารถสร้าง NFT ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยทาง Bitkub นั้นจะเป็นผู้บุกเบิกให้ทุกคนนั้นสามารถเข้าถึง NFT ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น”

ข้อมูลเพิ่มเติมของตลาดปี 2017 จาก Coindesk 

NFT จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนได้หรือไม่

เมื่อถูกถามว่าทำไม NFT นั้นถึงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยได้ นายสกลกรย์ สระกวี ได้แสดงความเห็นว่า

“จริง ๆ ก็ไม่ได้กระทบอะไร ในชีวิตประจำวันทุกคนก็ยังกดใช้โทรศัพท์กันเหมือนเดิมเพียงแต่การยอมรับในคริปโตนั้นมากยิ่งขึ้น เพราะ NFT จะเข้ามาอยู่ในทุกกิจกรรม โดยที่เราจะทำให้ NFT นั้นไม่รู้สึกว่าเป็น NFT โดยอยากให้มีมุมมองว่า เป็นเพียงรูปภาพรูปหนึ่ง ที่สามารถเปลี่ยนผ่านการเป็นเจ้าของกันได้สามารถนำไปทำกิจกรรมร่วมกับดาราศิลปินได้, สามารถนำไปเล่นกิจกรรมกันในบริษัทได้หรือสามารถนำไปสะสมครบเป็น collection เพื่อนำไปใช้อะไรได้ และมีค่า”

นอกจากนี้เขายังเสริมว่า

“ถ้าหาก NFT เป็นที่แพร่หลาย ในอนาคตเราสามารถที่จะจัดการอะไรแบบ Automated ได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา “คน” ยกตัวอย่างเช่นการจับฉลากลุ้นรางวัลแจกชิงโชคซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้ว่าการกระทำเหล่านี้นั่นโปร่งใสหรือไม่ แต่หากมีรายการไหนที่มีการแจกรางวัลสุ่มชิงโชคและนำ NFT ไปใช้ก็จะได้ความชัดเจนในเรื่องของความโปร่งใส ไม่สามารถโกงกันได้เพราะสุ่มผ่าน Blockchain

แพลตฟอร์ม Bitkub NFT กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

เนื่องจาก Bitkub NFT เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงตลาด NFT ได้นอกจากนี้ยังเป็นเหมือนกับ community ที่รวมกลุ่มคนที่ต้องการเข้าถึง NFT ไว้ด้วยกันอีกด้วยอีกทั้งยอดการใช้งานก็สามารถตรวจสอบได้ 

นายสกลกรย์ได้เผยถึงตัวเลขยอดการใช้งานบน Bitkub Chain โดยเฉพาะในด้านการทำธุรกรรมของเหรียญ KUB บนเครือข่าย โดยมีเครื่องมือตรวจสอบการทำธุรกรรมบน chain อย่างโปร่งใสที่ชื่อว่า bkcscan.com ว่า

“โดยที่จริงแล้วนั้นเราสามารถตรวจสอบยอดการใช้งานได้ผ่าน bkcscan.com โดยถ้านับจากยอดวอลเล็ทของทุกคนที่อยู่บน bkcscan ตอนนี้มียอดผู้ใช้งานอยู่ที่ 1.9 ล้าน Wallets จำนวน Transactions มีทั้งหมด 35 ล้าน Transactions ซึ่งผู้ใช้งานส่วนใหญ่คือการใช้งานอยู่บน Bitkub NEXT, Bitkub NFT Platform  เกม Morning Moon และที่เหลือคือโปรเจกต์อื่น ๆ ที่เข้ามาอยู่บน Ecosystem ของ Bitkub Chain”

NFT นั้นเป็นกระแสอย่างมากในปีนี้ทั้งที่ต่างประเทศและในประเทศไทยจะเห็นได้ชัดที่บริษัทหลายบริษัทนั้นจับมือกับ Bitkub เพื่อร่วมกันพัฒนา NFT เช่น GMM Grammy, Miss Universe Thailand Bar B Q Plaza  ฯลฯ โดยจะมีการร่วมกันนำ NFT ที่สร้างขึ้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการลูกค้าซึ่งจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีใหม่ ๆ 

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ NFT นั้นเป็นเติบโตอย่างมากในปีนี้?

เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปีนี้ความนิยมของ NFT นั้นมีขึ้นอย่างถล่มทลาย ผู้คนต่างก็แห่กันเข้ามาในตลาดนี้ บ้างก็เข้ามาเพราะชอบในงานศิลปะ บ้างก็เข้ามาเพราะกระแส ในขณะที่บางคนเข้ามาก็เพราะหวังจะรวยเร็ว

อย่างไรก็ตาม นายสกลกรย์ได้เผยถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ NFT นั้นได้รับความนิยมอย่างมากว่า

“เพราะว่ากระแสจากต่างประเทศที่มีการทำ NFT ไปขายบนแพลตฟอร์มเช่น OpenSea, Foundation เป็นต้นซึ่งมีผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการขาย NFT แล้วสามารถทำเงินได้อย่างมากโดยที่ตอนนี้เทรนด์ของเทคโนโลยีนั้นกำลังเปลี่ยนผู้คนก็มอง NFT เป็นทางเลือกการลงทุนแบบใหม่โดยเฉพาะ NFT นั้นสามารถตอบโจทย์เรื่องที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่าง Metaverse ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ Facebook ได้ออกมาประกาศว่าจะมีการพัฒนาในเรื่องของ Metaverse ก็ทำให้ผู้คนนั้นเริ่มมีการตื่นตัวต่อจากนี้ไปเรานั้นอาจจะไม่อยู่แค่เพียงบนโลก physical เท่านั้นแต่จะมีการเข้าถึงโลก digital” 

“ดังนั้นการซื้อ asset digital ก็อาจจะเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีความสนใจ NFT นั้นก็อาจจะไม่ได้เข้าถึงแค่เพียงวงการศิลปะเท่านั้นแม้แต่ศิลปิน,นักร้อง ,ดาราหรือสื่อ entertainment ต่าง ๆ ก็เริ่มจะให้ความสนใจใน NFT มากขึ้นสิ่งที่ทาง Bitkub นั้นต้องการจะทำคือการสร้างแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ในทุกด้านไม่ใช่เป็นเพียงพื้นที่ในการทำกำไรเพียงอย่างเดียวเราต้องการที่จะทำให้ NFT นั้นเป็นมากกว่าศิลปะ”

“ซึ่งเราอยากจะให้คนนั้นรู้สึกว่า NFT นั้นมีคุณค่าไม่ใช่เพราะว่าเป็นเทรนด์หรือใช้เพื่อการเก็งกำไรแต่คนต้องรู้สึกอยากซื้อ NFT เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้  เช่น การใช้ NFT เป็นบัตรสมาชิก, ใช้ NFT เพื่อแสดงความชื่นชอบในตัวดาราศิลปินด้วยการเก็บสะสม NFT ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้เกิด Bitkub NFT ขึ้นและจะแตกต่างจากแพลตฟอร์ม NFT อื่นที่เคยมีมา”

ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวจาก The Telegraph เคยรายงานไปว่าเด็กชายวัย 12 ปีจากเมือง London ประเทศอังกฤษสามารถสร้าง NFT และขายออกไปได้ในราคากว่า 13 ล้านบาทเลยทีเดียว

หากตลาดขาลงของคริปโตมาถึง คิดว่ากระแสของตลาด NFT จะหายไปด้วยหรือไม่?

หากยังจำภาพของกระแส ICO ในปี 2017-2018 ได้ดี จะพบว่าฟองสบู่ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2018 นั้นได้ส่งผลทำให้ ICO นั้นตายจากไป 

ทุกคนรู้ดีว่างานเลี้ยงนั้นย่อมมีวันเลิกรา คำถามก็คือสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับ NFT หากตลาดคริปโตเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยปี 2018 หรือไม่ ด้านนายสกลกรย์ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า

“สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นตลาดไหนก็ตามเมื่อตลาดเกิดการ crash สิ่งที่คนนั้นเลือกที่จะขายก่อนก็คือของรักของหวงเพื่อนำเงินมาหมุนดังนั้นเช่นเดียวกับตลาดคริปโต สมมติตลาดเกิดการ crash ของตลาดคริปโตคนก็จะแห่กันขาย NFT ก่อนเพราะเป็นของที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่ากระแสของ NFT นั้นกำลังจะหายไป เพราะมันกำลังไปต่อด้วยกระแสที่มันกำลังจะเป็น mass adoption”

“ในอนาคตก็อาจจะได้เห็นบริษัทใหญ่ ยักษ์ใหญ่ ของประเทศไทยหรือทั่วโลกเข้ามาใช้งานในส่วนของ NFT ในการทำอะไรซักอย่างและด้วยการที่ NFT นั้นสามารถ automate ได้ทำให้เรื่องของความโปร่งใสนั้นจะมาเป็นอันดับแรกเช่นการจองสิทธิ์ หรือตั๋วงานอะไรก็ตามหากเป็นเมื่อก่อนก็สามารถโกงสิทธิกันได้ซึ่งหากมีการใช้ NFT นั้นการโกงสิทธิของผู้อื่นก็จะไม่สามารถทำได้”

โดยสรุปนั้นก็คือ นายสกลกรย์คาดการณ์ว่าหากตลาดเกิดฟองสบู่จนราคาร่วงอย่างรุนแรง ก็อาจส่งผลทำให้ผู้คนแห่ขาย NFT กันอย่างคับคั่ง และเมื่อมีผู้คนแย่งกันขาย เราก็อาจจะเห็นการลดลงของราคาซื้อขายในตลาดที่ไม่ต่างจากเหรียญคริปโตก็เป็นได้ ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องระวังให้ดี

อยากฝากอะไรถึงคนที่ต้องการสร้าง NFT หรือไม่สามารถขาย NFT ได้อย่างที่คาดหวังไว้?

การเริ่มต้นในการทำ NFT นั้นเป็นสิ่งที่อาจจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจทั้งในการสร้างผลงานรวมถึงการเข้าใจกลไกของตลาด หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเริ่มขาย NFT มาได้สักพักหนึ่งแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ นายสกลกรย์มีแนวคิดที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นมาได้ โดยเขากล่าวว่า

“NFT นั้นยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่อยากให้มองภาพว่าเป็นสิ่งที่ global scale เพราะตลาดที่ใหญ่จริง ๆ นั้นจะอยู่ที่ต่างประเทศแต่ถ้าเกิดอยากจะมองภาพเจาะกลุ่มตลาด หรือ community ที่เล็กลงมาเช่นในประเทศไทย ก็อยากจะให้มองที่ Bitkub”

“หากสมมุติว่าใครซักคนอยากจะขาย NFT เป็นศิลปะ พี่ก็แนะนำให้ขายบนแพลตฟอร์ม global แต่สิ่งที่ต้องทำใจยอมรับในการทำ NFT นั้นคือต้องมีต้นทุนในการ mint ผลงานหรือใช้เป็นค่า gas หากเราไม่มีฐานของแฟนคลับโอกาสที่จะขายได้บน Global Platform ก็อาจจะยากหน่อยเว้นแต่ว่าผลงานของเราจะถูกใจผู้อื่นจริง ๆ

 แต่หากคุณเป็นคนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และมีฐาน community อยู่แล้วที่เมืองไทย พี่เองก็อยากจะเชิญชวนให้มาใช้งานผ่านแพลตฟอร์มของ Bitkub NFT 

เพราะเราจะช่วยซัพพอร์ตให้คนไทยนั้นสามารถเข้าถึงได้ง่าย ผ่าน Bitkub Next ซึ่งค่าธรรมเนียมถูกเยอะกว่ามาก และก็เข้าถึงกลุ่ม community ได้ง่ายกว่าเยอะ”

หลังจากที่ Bitkub Coin ถูกลิสต์ขึ้น Gate.io, CoinEX และ MEXC Global จากนี้ก็ไปต้องบอกเลยว่าทุกความเคลื่อนไหวของ Bitkub และ Bitkub NFT นั้นก็เป็นสิ่งที่เราชาวไทยนั้นต้องจับดาดูกันให้ดีว่าจากนี้กระแสของคริปโตและ NFT ในไทยภายใต้การขับเคลื่อนของ Bitkub จะออกมาในทิศทางไหน