Ethereum 2.0 จะเป็นเทคโนโลยีบล็อกเชน Ethereum เวอร์ชันถัดไปเพื่อจะเพิ่มคุณค่าให้กับตัวบล็อกเชนด้วยฟังก์ชันใหม่ Ethereum 2.0 จะมาพร้อมกับโซลูชันมากมายที่จะเกี่ยวข้องกับโลกคริปโตในปัจจุบัน
Ethreum ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเตรียมแพลตฟอร์มที่สามารถอำนวยความสะดวก, สัญญาแบบเป็นโปรแกรมและแอพเปลี่ยนผ่านสกุลเงินของตัวเองอย่างไรก็ตามก็มีข้อจำกัดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะความล่าข้าในการประมวลผลธุรกรรมหรือจะค่าธรรมเนียมที่แพงหูฉี่
เพื่อให้แพลตฟอร์ม decentralized เป็นที่น่าพอใจมากขึ้นเช่นเดียวกับการจัดการกับปิมาณธุรกรรมที่มากขึ้นแบบทวีคูณนักพัฒนา Ethrereum ได้อัพเดทบล็อกเชนด้วย feature ใหม่ ๆ และ โซลูชัน Ethreum 2.0 ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัฐสำหรับผู้ใช้งานคริปโต
ตวามต่างของ Ethereum 2.0 และ Ethereum
Ethereum 2.0 ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถเอาชนะข้อจำกัดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นภาระอย่างมากสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนาการอัพเดทจะเพิ่มความเร็ว, ประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับขนาดของเครือข่ายด้วยการรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น
Proof-of-Stake
Ethereum จะถูกแทนที่การใช้งาน Proof-of-Work แบบเดิมด้วย Proof-of-Stake สำหรับการตรวจสอบธุรกรรม feature นี้จะช่วยในการคลายข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้พลังงานเนื่องจากกลไก PoW นั้นต้องใช้พลังงานมหาศาลในการคำนวณสมการที่ซับซ้อนสำหรับการขุด Ethereum
PoS ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่เลวและประหยัดพลังงานสำหรับนักพัฒนาบล็อกเชนโดยที่ผู้ตรวจสอบจะเป็นคนยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมแทนที่จะเป็นนักขุด
นักพัฒนา Ethereum 2.0 เชื่อว่า PoS จะใช้พลังงานเพียง 0.05% ของพลังงานที่ใช้กับ Ethereum ทั้งหมดด้วยวิธีนี้พวกเขาวางแผนที่จะทำให้ Ethereum เป็นบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Sharding
Sharding เพิ่มความสามารถในการปรับขนาดให้กับเครือข่ายบล็อกเชนโดยแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ หรือชาร์ดเพื่อดำเนินการหลายธุรกรรมพร้อมกันซึ่งจะช่วยให้ Ethereum สามารถจัดการกับความแออัดของการทำธุรกรรมได้
ปัจจุบัน บล็อกเชนของ Bitcoin ดำเนินธุรกรรมได้ 7 ธุรกรรมต่อวินาที ในขณะที่ Ethereum สามารถรองรับธุรกรรมได้ 15 ถึง 45 รายการบนเครือข่าย ตัวเลขที่น้อยแบบนี้จะเป็นการชะลอการเติบโตของ Ethereum และ Bitcoin ได้
ด้วย Sharding แล้วนั้นเทคโนโลยี Ethereum จะสามารถดำเนินธุรกรรมได้โดยใช้เวลาที่น้อยลงคาดว่าจะเร็วกว่าการทำธุรกรรมของ Solana ซึ่งถือเป็นนักฆ่า ETH เนื่องจากมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูง
eWASM
Ethereum Virtual Machine (EVM) – การพัฒนาที่สำคัญซึ่งได้เบนความสนใจของผู้ใช้ DeFi จาก Bitcoin มาเป็น Ethereum โดยพื้นฐานแล้ว EVM เป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นในทุก node ที่มี smart contract capabitlity สามารถสร้างเกม,ทำธุรกรรมทางการเงินหรือให้บริการออนไลน์ได้
โค้ด EVM เป็นโค้ดเมทริกซ์ที่มีความซับซ้อนและด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเหล่าโปรแกรมเมอร์ที่มีทักษะในการแก้ไขดัดแปลงโค้ดด้วยตัวของโซลูชันนักพัฒนานั้นวางแผนที่จะเพิ่มภาษาใหม่ซึ่งเรียกว่า eWASM
eWASM จะอนุญาตให้โค้ดแอพ Ethereum ทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์สกุลเงินแม้แต่โปรแกรมเมอร์ก็ยังสามารถเลือกภาษาโปรแกรมต่างๆ เช่น Rust, C และ C++ เพื่อเขียนโค้ดได้
phase การพัฒนาของ Ethereum 2.0
ปัจจุบัน Etheruem ดำเนินการธุรกรรมแบบวันต่อวันและโปรเจกต์ต่าง ๆ ก็กำลังทำงานบน Ethereum ดังนั้นแทนที่จะทำให้ Ethereum นั้นหยุดการทำงานนักพัฒนาได้ตัดสินใจที่จะอัพเดทบล็อกเชนออกเป็น 3 phase เพื่อรวมเข้ากับเครือข่ายหลักของ Ethereum
Phase zero
phase นี้มีการเปิดตัว beacon chain (ช่วย Ethereum 2.0 เพื่อขยายเครือข่ายผ่านการเชื่อมต่อหลายโหนด) โดยที่ phase นี้ได้เปิดตัวไปในช่วงธันวาคมปี 2020
Phase one
phase นี้จะรวม beacon chain เข้ากับเครือข่ายหลักของ Ethereum และสิ่งนี้จะช่วยให้สามารถเกิดการ stake บนเครือข่ายได้ phase นี้คาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัวในปี 2021 แต่เนื่องจากมีความล่าช้าเทคนิคมีการวางแผนจะเปิดตัวในปี 2022
Phase two
phase สุดท้าย Ethereum จะเพิ่ม shard chain การเพิ่ม chain ก็จะช่วยให้ทำธุรกรรมได้หลายรายการมากขึ้นโดยที่ shard chain ถูกคาดการณ์ว่าจะไปรวมกับ Ethreum 2.0 ในปี 2023
สรุปภาพรวม
เนื่องจาก Ethereum 2.0 มาพร้อมกับ feature ใหม่ ๆ และความสามารถที่น่าสนใจทั้งความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นเครือข่าย, กลไก PoS ที่จะช่วยแก้ไขข้อกังวลด้านพลังงานและสิ่งนี้สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ประกอบการคริปโตจะไม่น่าแปลกใจเลยหากมูลค่าตลาด ETH เพิ่มขึ้นหลังจากการเปิดตัว Ethereum 2.0 อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมที่ลดลง รวมถึงการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นจะสร้างความไว้วางใจให้กับนักนักพัฒนาคริปโต Ethereum 2.0 จะถูกตั้งค่าให้นำการเปลี่ยนแปลงที่ปฏิวัติวงการเทคโนโลยีบล็อกเชนมาอย่างแน่นอน