<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

‘มูลค่าที่แท้จริง’ ของดอลลาร์สหรัฐลดลง 86% ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 6 เท่าในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ในปี 1972 มูลค่าของ1 ดอลลาร์มีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์ แต่ภายในปี 2022 มูลค่าของดอลลาร์ได้ลดลงอย่างน่าเหลือเชื่อ 86% มาอยู่ที่ 0.14 ดอลลาร์ ข้อมูลค่าเสื่อมราคาดอลลาร์ได้มาจากสถิติที่จัดทำโดยกระทรวง Labo ของสหรัฐอเมริกาและคำนวณโดยนักวิจัยที่ officialdata.org

ค่าเสื่อมราคาโดยตรงช่วยลดกำลังซื้อของดอลลาร์ ดังนั้น 1 ดอลลาร์ในปี 1972 จึงมีมูลค่า 6.99 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งนั่นคือ “มูลค่าที่แท้จริง” ของดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ลดลงตามกาลเวลา กล่าวอีกนัยหนึ่ง 1 ดอลลาร์จะซื้อสินค้าให้คุณน้อยลงที่ร้านขายของชำมากกว่าที่เคยเป็นมา

อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ที่ 7.87% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1981 โดยอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ 13.50% ในปี 1980

อัตราเงินเฟ้อส่งผลต่อเงินดอลลาร์อย่างไร

ตั้งแต่ปี 1972 อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ที่รุนแรงอย่างเช่น ภาวะถดถอยในปี 2551 และผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงอันเป็นผลมาจากการพิมพ์เงินอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล โดยธนาคารกลางรายใหญ่ได้สูบฉีดเงิน 9 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจท่ามกลางการระบาดใหญ่

เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูง กำลังซื้อของดอลลาร์จะลดลง ในกรณีส่วนใหญ่ค่าเสื่อมราคาเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลหันไปพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุล

การดำเนินการของ FED ในการหลีกเลี่ยงวิกฤตเศรษฐกิจยังมีบทบาทสำคัญในการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ทั้งนี้สภาคองเกรสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือบริษัทและผู้คนให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ จึงมีการสร้างเงินเพิ่มขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยยังคงค่อนข้างสูง 

ค่าน้ำมัน ค่าของชำ รถใหม่ และอัตราการจำนองที่เพิ่มขึ้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่คนอเมริกันจะต้องคุ้นเคย เป็นไปได้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจไม่เปลี่ยนกลับเป็นระดับก่อนเกิดโรคระบาดที่น้อยกว่า 2% เป็นเวลาอย่างน้อยอีกสามปี

กลัวค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า

เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดความกลัวว่าค่าเงินดอลลาร์ที่ยืนเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยอาจจะถูกกัดกร่อนในไม่ช้า 

เนื่องจากทองเคยทำหน้าที่เป็นที่หลบภัยในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ นักลงทุนจึงมองหาการซื้อทองคำมากยิ่งขึ้นและทำให้สร้างกำไรได้มากกว่าที่คาดคิดไว้เนื่องจากเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางคนมองว่าทองคำจะผันผวนอยู่ระหว่าง 200 ดอลลาร์ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า 

แม้ว่า Bitcoin ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนักลงทุนสถาบันที่หันมาลงทุนเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่ลดลงซึ่งถือเป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่นักลงทุนสนใจที่จะลงทุนใน สกุลเงิน ดิจิทัล ซึ่งมักเรียกกันว่า “ทองคำดิจิทัล” เนื่องจากมีอุปทานจำกัด 

อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อต่อสู้กับราคาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้มีย้ายเม็ดเงินออกจาก crypto บางส่วนเพื่อเข้าบัญชีออมทรัพย์แบบเดิม