Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple ได้ออกมาชี้แจงว่าเขาไม่ได้สนับสนุนให้แบน Bitcoin เพื่อตอบสนองต่อทวีตล่าสุดที่โพสต์โดย Warren Davidson ตัวแทนของสาธารณรัฐโอไฮโอรีพับลิกัน
Larsen เชื่อว่าการเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างสมบูรณ์ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว เนื่องจากกลไก Proof of work เป็นเพียงแรงจูงใจในการค้นหาพลังงานที่ถูกที่สุด
ตามรายงานก่อนหนา้นี้ Larsen ได้ร่วมมือกับ Greenpeace USA เพื่อเปิดตัวแคมเปญโฆษณามูลค่ากว่า 5 ล้านดอลลาร์โดยมีเป้าหมายมุ่งเน้นไปที่กลไกฉันทามติของ Bitcoin ความคิดริเริ่มดังกล่าวได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากชุมชน Bitcoin ซึ่งมองว่าโฆษณาแบบสายฟ้าแลบที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น เป็นการโจมตีโดยตรงต่อสกุลเงินดิจิทัลเบอร์หนึ่งของโลก โฆษณาบางรายการจะชี้ไปที่ผู้สนับสนุนที่ทรงพลังที่สุดของ Bitcoin รวมถึง Jack Dorsey อดีต CEO ของ Twitter
อย่างไรก็ตาม Larsen กล่าวว่าตัวเขาเองถือ Bitcoin และเขาต้องการที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงโค้ดฉันทามติของ Bitcoin
ก่อนหน้านี้ Larsen ได้เรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลลงโทษ ผู้สนับสนุน Bitcoin ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการ Podcast ในเดือนกันยายน ขณะที่ยกย่อง Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ว่าเป็น “ฮีโร่” ที่ตัดสินใจถอยห่างจากกลไก proof-of-work (PoW)
ผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple เชื่อว่ามันจะเป็นความท้าทายสำหรับ Bitcoin ที่จะแข่งขันกับ Ethereum เมื่อผู้ใช้ส่วนใหญ่เริ่มหันไปใช้อัลกอริธึม proof-of-stake และเครือข่ายบล็อกเชนที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกคาดว่าจะช่วยลดการใช้พลังงานลง 99.95% หลังจากเสร็จสิ้นการอัพเกรดที่ทุกคนรอคอย
ตามที่ Larsen ชี้ให้เห็นว่า Gary Gensler ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ได้ให้ความสำคัญไปกับสภาพอากาศ และสถาบันต่าง ๆ ก็จะไม่เต็มใจที่จะลงทุนใน Bitcoin เนื่องจากการใช้พลังงานที่มากเกินไปของมัน
ผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple อ้างว่าตัวของบริษัทไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญโฆษณา โดยเน้นว่านี้เป็นความคิดริเริ่มของเขาเองล้วน ๆ
ที่มา : u.today