<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคาเหรียญ Zilliqa (ZIL) เพิ่มขึ้นเกือบ 500% หลังโปรเจกต์เผยว่ากำลังพัฒนาระบบชำระเงินแบบ Fiat-to-Crypto

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาของเหรียญ Zilliqa (ZIL) ดูเหมือนว่าจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงเวลาขณะที่เขียนรายงานความรุนแรงนี้ก็ยังคงดูเหมือนจะไม่จบลงง่าย ๆ โดยหากนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. เป็นต้นมา ราคาของเหรียญได้เพิ่มขึ้นมาเกือบ 500% ไปแล้ว

กราฟ ZILUSDT จาก TradingView เผยให้เห็นว่าราคาของ Bitcoin เริ่มมีการพุ่งทะยานขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม โดยพุ่งจากจุดต่ำสุดที่ประมาณ $0.038 มาแตะที่สูงสุดในวันนี้ที่ $0.22 ดอลลาร์อย่างรุนแรง

สำหรับสาเหตุการพุ่งขึ้นพุ่งขึ้นของราคาเหรียญในช่วงนี้นั้น คาดว่าเป็นผลมาจากเมื่อประมาณวันที่ 28 มีนาคม 2022 มีรายงานข่าวว่าทาง Ramp ผู้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินได้จับมือกับ Ziliqa

โดยการจับมือของทั้งสองใะเป็นการช่วยกันพัฒนาาระบบชำระแบบ Fiat-to-Crypto ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และใช้งานง่าย ทำให้นักลงทุนหรือผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงเหรียญ ZIL ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

นอกเหนือจากการจับมือกับ Ramp แล้ว Ziliqa ยังได้มีการจับมือกับอีกหลายโปรเจกต์ ไม่ว่าจะเป็น Mozilla, Dapper Labs, Aave, Argent, Trust Wallet, และ Zerion 

และหากย้อนกลับเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2022 ทาง Zilliqa ยังได้มีการจับมือโปรเจกต์ด้านอีสปอร์ตและเกมมิ่งอย่าง RRQ, MAD Lions, และ Ninjas in Pyjamas ทำให้ Ziliqa กลายเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่วงการเกมเลือกใช้เป็นอันดับแรก ๆ ของโลกอีกด้วย

จากข่าวการจับมือทั้งหมดทั้งมวลข้างต้น ทำให้เราสรุปได้ว่านี่อาจจะอีกเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเป็นแรงผลักดันทำให้ราคาของเหรียญ ZIL เพิ่มขึ้นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ในช่วงตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับ Zilliqa

Zilliqa (ZIL) เป็นเครือข่าย Blockchain ที่สามารถใช้ Smart Contract เพื่อสร้าง Decentralised Application (dApp) รวมถึงรองรับ Non-fungible Token (NFT) ซึ่ง Zilliqa เป็นเครือข่ายแรกที่นำเทคโนโลยี Sharding หรือการแบ่งข้อมูลกันประมวลผลภายในบล็อกเชน ทำให้การประมวลผลสามารถเกิดขึ้นได้แบบคู่ขนาน (Parallel processing) จึงเป็นการเพิ่มความเร็วโดยรวมของเครือข่าย

นอกจากนี้ทาง Zilliqa ยังมีความตั้งใจที่จะเป็น Blockchain ทางเลือกให้กับองค์กรขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น อุตสาหกรรมเกม อุตสาหกรรมโฆษณา อุตสาหกรรมความบันเทิง ฯลฯ รวมถึงตั้งเป้าที่จะเข้ามาแทนที่ระบบการชำระเงินอย่าง Visa และ Mastercard พร้อมทั้งเป็นแพลตฟอร์มที่สนับสนุนในการพัฒนาด้าน Machine Learnin และการวิจัยต่าง ๆ ที่ต้องใช้ Big Data อีกด้วย

ที่มา : Realwire, PR Newswire