<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin จะสามารถเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้หรือไม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บทความนี้จะพาคุณไปลองวิเคราะห์และหาคำตอบว่า Bitcoin นั้นสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากสภาวะเงินเฟ้อได้หรือไม่ อย่างไร

ทำไมคุณถึงต้องมีเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

Bitcoin มีศักยภาพในการป้องกันสภาวะเงินเฟ้อได้หรือไม่นั้นก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าเงินเฟ้อนั้นคืออะไรแล้วเราสามารถทำอะไรในการเอาตัวรอดจากช่วงเศรษฐกิจในสภาวะเงินเฟ้อ

ด้วยอัตราเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจแบบเงิน fiat ผู้เชี่ยวชาญและแม้แต่คนทั่วไปต่างก็มองหาการลงทุนหรือเครื่องมือที่ใช้เป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็น ทองคำ, หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้เป็นเหมือนหลุมหลบภัยของนักลงทุนที่กลัวที่จะสูญเสียมูลค่าไปในช่วงสภาวะเงินเฟ้อแต่อย่างไรก็ดีสินทรัพย์เหล่านี้มีข้อจำกัดในการป้องกันความเสี่ยงอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตามสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำและเงินนั้นมีความน่าเชื่อถือที่น้อยเมื่อเทียบสัดส่วนของการลงทุนในปี 2021 ทองคำนั้นมีจำนวนเงินไหลเข้ามาลงทุนน้อยลงอย่างมากส่วน

ด้านอสังหาริมทรัพย์ก็มีสภาพคล่องที่ต่ำบวกกับต้นทุนการทำธุรกรรมที่สูงอีกทั้งยังต้องคอยมาดูแลบำรุงรักษาไม่ให้เกิดการเก่าและเสียสภาพ

และหุ้นก็เป็นอะไรที่ต้องใช้ทักษะในการซื้อรวมทั้งความรู้ความเข้าใจซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่จะยังไม่มีสำหรับการจะจัดการบริหารหุ้นให้มีประสิทธิภาพ

เงินเฟ้อคืออะไร?

เงินเฟ้อคือการที่กำลังซื้อของผู้บริโภคนั้นลดลงด้วยค่าเงินประจำถื่นที่อ่อนค่าลงไปซึ่งจะมีเครื่องมือที่นิยมใช้ในการวัดอัตราเงินเฟ้อนั่นคือดัชนี้ราคาผู้บริโภค (CPI)

เงินเฟ้อนั้นยังหมายถึงราคาของสินค้าบริการที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ค่าเงินที่ใช้เป็นกำลังซื้อประจำท้องถื่นนั้น ๆ ลดลงด้วยเหตุนี้จึงทำให้จำเป็นที่จะต้องมีหน่วยของสกุลเงินมากขึ้นสำหรับการใช้ซื้อสินค้าบางรายการหากยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็เช่น ตะกร้าผลไม้อาจมีราคาอยู่ที่ $5.00 เมื่อสองสามปีก่อน ตอนนี้ ตะกร้าเดียวกันมีราคา $8.00 ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่ากำลังในการซื้อนั้นลดลง

ตารางด้านล่างนี้แสดงถึงราคาของสินค้าบางรายการที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างปี 1960 ถึง 2021 ในสหรัฐอเมริกา

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นตัวชี้วัดยอดนิยมที่ใช้ในการวัดอัตราเงินเฟ้อโดยสำรวจค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของกลุ่มราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ตัวชี้วัด CPI จะมีผลต่ออัตราดอกเบี้ย ,ค่าจ้าง, ผลประโยชน์ของรัฐ, การลดหย่อนภาษี, เงินบำนาญ, การบำรุงรักษา, และการใช้จ่ายอื่นๆ

ซึ่งเราก็รู้กันดีว่าตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาสิ่งที่ผู้คนมักมองหาเพื่อใช้ในการป้องกันเงินเฟ้อก็จะเป็นทองคำ, หุ้นและอสังหาริมทรัพย์แต่ในโลกยุคปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า cryptocurrency นั้นมาแรงอย่างมากและอาจจะเปลี่ยนเทรนด์ของโลกแล้วแบบนี้เหรียญ crypto ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Bitcoin สามารถถูกใช้ป้องกันเงินหรือไม่

Bitcoin เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ดีหรือไม่?

Bitcoin นั้นถือได้ว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่มีประสิทธิภาพเนื่องจากมีปริมาณที่จำกัดและมีกระจายอำนาจปัจจัยเหล่านี้นำมาซึ่งการขาดแคลนและความยืดหยุ่น

เมื่อลองมองถึงคำตอบของคำถามที่ Bitcoin เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้หรือไม่นั้นปัจจัยหลักสองประการที่คุณต้องคำนึงถึงนั่นก็คือปริมาณที่จำกัดและการกระจายอำนาจ

ปริมาณที่จำกัดนำมาซึ่งการขาดแคลน

ปริมาณของ Bitcoin (BTC) ซึ่งถูกจำกัดด้วยอัลกอรึทึมที่ 21 ล้าน BTC ภายในช่วงสิ้นปี 2021 มี Bitcoin จำนวน 18.77 ล้าน BTC ที่อยู่ในการหมุนเวียนกล่าวอีกนัยหนึ่งนั่นคือ 83% ของ Bitcoin ได้ถูกขุดออกมานับตั้งแต่ที่ Bitcoin ได้ทำการเปิดตัวเมื่อ 12 ปีที่แล้ว

เงินเฟ้อที่เกินขึ้นนั้นเกิดจากการที่ทางรัฐบาลหรือธนาคารกลางของสหรัฐฯ ยังคงพิมพ์เงินเพิ่มต่อเนื่องเพื่อประคองเศรษฐกิจทำให้มีอุปทานส่วนเกินที่มากจนเกินไป

ซึ่งในทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์นั้นระบุไว้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเมื่อปริมาณเงินเพิ่มขึ้นเร็วกว่าผลผลิตหรือบริการที่แท้จริง สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากทุกครัวเรือนมีเงินสดมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าในปริมาณเท่ากันส่งผลให้ราคาของสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น

ด้วยอัลกอริทึมที่ Bitcoin ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วล่วงหน้านั่นหมายความว่าจะมีอุปทานส่วนเกินที่งอกขึ้นมาจากอากาศซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในจุดที่ตรวจสอบได้นอกจากนี้ผลตอบแทนที่ได้จากการขุดจะลงลงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ 4 ปีหรือที่เรียกกันว่าการ Halving เมื่อพิจารณาจากตารางของอุปทานในปัจจุบันอัตราการผลิตประจำปีของ Bitcoin จะอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของทองคำและจะลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้หายากกว่าทองคำและมูลค่าของมันก็จะเพิ่มขึ้น

การกระจายอำนาจเพิ่มความยืดหยุ่น

โครงสร้างแบบกระจายอำนาจของ Bitcoin ทำให้ Bitcoin ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของผู้ที่มีอำนาจมีกำลังซื้อแบบรวมศูนย์ด้วยโหนดหลายพันโหนดที่ทำงานอยู่ทั่วโลกเครือข่ายสามารถต้านทานการโจมตีจากภายนอกได้อย่างเหมาะสมซึ่งนี่อาจเป็นการเข้ามาเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน  เมื่อพูดถึงระดับการกระจายอำนาจไม่มีสกุลเงินอื่นใดที่ทำได้แบบ Bitcoin เลยด้วยซ้ำ

Bitcoin นั้นมีภูมิคุ้มกันจากการถูกหน่วยงานหรือองค์กรใด ๆ ที่พยายามเข้ามาบีบบังคับหรือติดสินบนเนื่องจาก Bitcoin ไม่ได้มีคณะบริหารใด ๆ ที่ต้องมาถูกตัดสิน Satoshi Nakamoto ผู้สร้างเหรียญ Bitcoin ยังคงใช้นามแฝงและไม่มีการเปิดเผยตัวตนแต่อย่างใด ตั้งแต่ที่ได้มีการสร้าง Bitcoin และ Bitcoin ก็ยังเป็น crypto ที่ไม่เหมือนเหรียญตัวอื่นเนื่องจากประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยที่ไม่ต้องมีผู้นำ

ทุกคนสามารถเรียกใช้โหนด Bitcoin ในการตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรมและส่งต่อธุรกรรมผ่านเครือข่ายการกระจายอำนาจที่เป็นวงกว้างหมายความว่า Bitcoin ไม่สามารถถูกใช้ซ้ำได้ นอกจากนี้ยังช่วยแจกจ่ายเหรียญให้อยู่ในมือใครก็ได้และช่วยให้ Bitcoin รอดพ้นจากความท้าทายมากมายซึ่งช่วยป้องกัน Bitcoin จากการถูกควบคุมข้อมูลแบบรวมศูนย์และทำให้ผู้ถือเหรียญทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้

การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin อย่างไร?

นักลงทุนมองนั้นว่า Bitcoin เป็นเครื่องมือในการเอาตัวรอดงินเฟ้อแม้ว่าวัตถุประสงค์ของนักลงทุนแต่ละรายอาจแตกต่างกันออกไป เช่น บางคนก็มาว่าเพื่อการเก็งกำไร, เพิ่มความมั่งคั่งหรือใช้เป็นแหล่งสะสมมูลค่า เมื่อราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณมูลค่าที่เก็บไว้ใน Bitcoin ก็เพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อแม้ในปี 2021 จะเป็นปีที่ค่อนข้างมีขึ้นมีลงพอประมาณสำหรับ Bitcoin แต่ราคาของ BTC ก็ยังเติบโตกว่า 59.8% ซึ่งดีกว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศส่วนใหญ่อย่างมาก

กราฟด้านล่างนี้แสดงถึงราคาของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นแบบรายวันตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2013 จนถึงวันที่ 16 มีนาคม 2022

Bitcoin ทำหน้าที่เป็นเครืองป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อหรือไม่?

ข้อมูลเชิงสถิติเปิดเผยว่า Bitcoin ทำงานได้ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อและแน่นอนว่าดีกว่าสินทรัพย์เช่นทองคำ, อสังหาริมทรัพย์และหุ้น

และในฐานะสินทรัพย์ Bitcoin ก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีอย่างเหลือเชื่อซึ่งมันเอาชนะเงินเฟ้อด้วยจำนวนกำไรอย่างมหาศาลแม้ว่าคุณควรระมัดระวังเกี่ยวกับปัจจัยภายนอกเช่นกฎระเบียบที่ควบคุมต่าง ๆ สถิติเปิดเผยว่าเป็นการดีกว่ามากที่คุณจะเก็บสะสมมูลค่าใน Bitcoin แทนสินทรัพย์ตัวอื่นเช่นทองคำ, อสังหาริมทรัพย์, หุ้นและอื่น ๆ

ด้วยจุดแข็งที่ Bitcoin มีปริมาณที่จำกัดและมีการกระจายอำนาจที่ทำให้มันแตกต่างไปจากสินทรัพย์ตัวอื่น ๆ ทำให้มันสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้อยู่หมัด