เหรียญ Monero ยังเป็นตัวเลือกแรก ๆ สำหรับกรณีการจ่ายเงินค่าไถ่ที่ถูกโจมตีโดย Ransomware (มัลแวร์เรียกค่าไถ่) ส่งผลให้เหรียญ Monero กลายเป็นหนึ่งวิธีการชำระเงินที่เหยื่อนิยมใช้กันมากที่สุด เนื่องจากกลุ่มอาชญากรทางไซเบอร์ต้องการรับเงินเรียกไถ่เป็นตัวเหรียญ XMR เท่านั้น
บริษัทด้านวิเคราะห์คริปโต CipherTrace ได้เปิดเผยรายงานใหม่ว่า เหรียญ Monero อยู่ในช่วงที่กระแสของ Ransomware มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
“Current Trends in Ransomware” ได้ทำการวิเคราะห์แนวโน้มการโจมตีด้วย Ransomware ในปี 2021 ซึ่งพบว่า การโจมตี Ransomware นั้นเติบโตเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า สอดคล้องกับการใช้เหรียญ XMR ที่เติบโตเพิ่มขึ้น เกือบ 500% หากนับจากปี 2020 – 2021
ในช่วงเวลานั้นบริษัท Chainalysis ก็เป็นอีกบริษัทนึงที่วิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีรายงานเพิ่มเติมว่า การโจมตี Ransomware ของเหรียญคริปโตนั้นมีมูลค่าโดยรวมสูงถึง 6 ร้อยล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม วิจัยใหม่พบว่า ผู้ที่โจมตีโดยใช้ Ransomware ส่วนใหญ่ต้องการรับเงินค่าไถ่เป็นเหรียญ XMR โดยบางรายต้องให้ชำระเงินเป็น Bitcoin และส่วนน้อยที่จะยอมรับการชำระค่าไถ่เป็นทั้งเหรียญ XMR และ BTC
“เหรียญ BTC มีมูลค่าที่สูงมากและอาจดูเหมือนว่าเป็นรางวัลสำหรับความเสี่ยง แต่เหรียญ BTC ก็ถูกตามรอยได้ง่ายดายเช่นกัน”
มีรายงานอ้างถึงแก๊ง Ransomware ที่ใช้ภาษารัสเซียในการสื่อสาร โดยกลุ่มดังกล่าวมีชื่อว่า Everest Group ซึ่งได้สร้างผลงานโด่งดังจากการแฮ็กรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อเดือนตุลาคมปี 2020 และจากข้อมูลของบริษัท CipherTrace พบว่า กลุ่ม Everest Ransomware “กำลังพยายามขายข้อมูลลับของรัฐบาลในเหรียญ XRP มูลค่ากว่า $500,000”
สำหรับอีกกลุ่มหนึ่งคือ Russian DarkSide ที่ได้โจมตี U.S. Colonial Pipeline ในเดือนพฤษภาคม 2021 ก็เลือกรับเงินเรียกค่าไถ่เป็นเหรียญ XMR หรือเหรียญ BTC ในขณะที่กลุ่มเรียกค่าไถ่ REvil เปลี่ยนจากการชำระด้วยเหรียญ BTC มาชำระด้วยเหรียญ XMR ในต้นปี 2020
Monero เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมาก โดยตัวเหรียญได้ใช้เทคโนโลยีหลายอย่างร่วมกัน เช่น Crypto Mixer, ลายเซ็นต์ และที่อยู่กระเป๋าเงิน ทำให้การส่งและรับเงินผ่านกระเป๋าเงินเกิดความสับสนและ นี่ก็คือเหตุผลที่เหรียญ XMR ได้กลายเป็นสินทรัพย์หลักที่เหล่าอาชญากรต้องการใช้เป็นเงินค่าไถ่
อย่างไรก็ตามเชน Monero จะถูก hard fork ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติการไม่เปิดเผยตัวตนและยังคงความเป็นส่วนตัว