ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่มากที่สุดโดยทางธนาคารกลางสหรัฐฯ หากนับตั้งแต่ปี 2000 เลยก็ว่าได้
เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ตามที่คาดไว้โดยผู้คนส่วนใหญ่ เฟดได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยโดย 50 จุด
คณะกรรมการ Federal Open Market ซึ่งเป็นหน่วยงานกำหนดนโยบายการเงินของ Federal Reserve ได้ลงมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดหรือ 0.5% เป็นเอกฉันท์ นี่เป็นครั้งแรกที่เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันทีหลังาการประชุม หากนับตั้งแต่ปี 2549 นอกจากนี้ยังเริ่มกระบวนการลดงบดุลด้วย
ในช่วงคำถามและคำตอบแบบตัวต่อตัวครั้งแรกของ FOMC ที่ถูกจัดขึ้นในรอบหลายปี ประธานเฟดพาวเวลล์เน้นย้ำว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงส่งผลเสียต่อชาวอเมริกันอย่างไร แม้ว่าเขาจะยืนยันว่าเฟดมีเครื่องมือที่จำเป็นในการควบคุมและลดอัตราเงินเฟ้อก็ตาม โดยเขากล่าวว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครึ่งเปอร์เซ็นต์นั้นอยู่ในแผนการสำหรับการประชุมแต่ละครั้งแล้ว พร้อมอ้างถึงหน้าที่หลักของเฟดในการรักษาเสถียรภาพราคาและอัตราการจ้างงานสูงสุด ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูง อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามว่าอัตราเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.5% ในแต่ละครั้งหรือไม่ เขาตอบว่าไม่
นับตั้งแต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน 25 จุดเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 ประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ดูเหมือนจะบ่งชี้ว่าเขาและเพื่อนร่วมงานของเขาเริ่มมีความทะเยอทะยานที่เพิ่มขึ้น ในการปรากฏตัวต่อสาธารณะเมื่อไม่นานนี้ พาวเวลล์ตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่เสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่วันนี้เขาแสดงความมองโลกในแง่ดีมากขึ้น ตามที่เขาทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน พาวเวลล์แย้งว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลางได้
ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้น
ภายหลังจากการประชุม FOMC สิ้นสุดลง ราคา Bitcoin และ Ethereum ก็ได้มีการดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรง
โดยราคา Bitcoin นั้นได้พุ่งขึ้นไปแตะ 40,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ Ethereum นั้นพุ่งไปอยู่ที่ 2,969 ดอลลาร์ บ่งบอกว่านักเทรดนั้นเริ่มคลายเครียดจากความกังวลในสิ่งที่ไม่แน่นอนมาหลายเดือน
อย่างไรก็ตาม ราคา BTC นั้นยังคงอยู่ห่างจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 68,800 ดอลลาร์ที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าตลาดจะเป็นแบบนี้ไปได้นานขนาดไหน