<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ศาลสูงของจีนสั่งว่า Bitcoin นั้นได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การพิจารณาคดีใหม่จากศาลสูงเซี่ยงไฮ้ในประเทศจีนได้เพิ่มมุมมองใหม่เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลเข้าไปอีก โดยได้มีการประกาศให้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์เสมือนที่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายของจีนอย่างเป็นทางการแล้ว

ศาลยังถือว่า Bitcoin มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยพวกเขาระบุว่า “ในการพิจารณาคดีจริง ศาลได้รวบรวมความเห็นที่เป็นหนึ่งเดียวเกี่ยวกับสภาพทางกฎหมายของ bitcoin และระบุว่าเป็นทรัพย์สินเสมือนจริง” อ้างอิงจากช่อง WeChat อย่างเป็นทางการของศาล

ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม 2020 นาย Cheng Mou ได้ขอให้ Shi Moumou คืนเงินกู้จำนวน 1 bitcoin ซึ่ง Mou อ้างว่าเป็นของเขา แต่ Moumou จำเลยปฏิเสธที่จะคืน bitcoin ซึ่งส่งผลทำให้มีการฟ้องร้องกัน นับตั้งแต่การไกล่เกลี่ยในเดือนพฤษภาคม 2564 คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจำเลยจะให้เงินชดเชยเทียบเท่ากับมูลค่า Bitcoin ที่ลดลงมาเล็กน้อย ณ เวลาที่กู้ยืม

ในที่สุดคดีนี้ก็ถูกนำไปขยายต่อที่ศาลสูง ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศาลสูงสุดในจีน

มุมมองด้านคริปโตใหม่ในจีน?

การพิจารณาคดีล่าสุดนี้สามารถกำหนดบรรทัดฐานใหม่สำหรับการดูสินทรัพย์เสมือนในแง่กฎหมายในจีน

ในอดีต รัฐบาลจีนได้กีดกันการซื้อขาย crypto โดยมุ่งเป้าไปที่นักขุดเพื่อพยายามลดการใช้พลังงาน เมื่อปีที่แล้วจีนสั่งห้ามการทำธุรกรรมและการขุด crypto ทั้งหมดภายในอาณาเขตของตนโดยสิ้นเชิง

“กิจกรรมทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินเสมือนเป็นกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย” ธนาคารกลางจีนกล่าวเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังเตือนชาวจีนว่าการซื้อขาย crypto อาจ “เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินของผู้คน”

ศาลประชาชนระดับสูง (high people’s court) ในจีนเป็นศาลท้องถิ่นที่สูงที่สุดในมณฑลต่างๆ ของจีน นำหน้าด้วยศาลประชาชนและศาลประชาชนขั้นกลาง เช่นเดียวกับโครงสร้างศาลประชาชนสูงสุด แต่ศาลสูงก็ถูกควบคุมโดยรัฐบาลกลางโดยตรงเช่นกัน

ดิจิทัลหยวนกำลังถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย

ตั้งแต่นั้นมา จีนได้ก้าวไปข้างหน้าในการนำสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) มาใช้ โดยมันมีชื่อว่าหยวนดิจิทัล และนับตั้งแต่เปิดตัว การใช้หยวนดิจิทัลก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในเมืองเซียะเหมินและกวางโจวกลายเป็นเมืองล่าสุดที่มีการใช้ดิจิทัลหยวนเพื่อการขนส่ง

ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนประกาศว่าจะขยายโครงการนำร่อง CBDC ไปยังเมืองใหม่ 11 เมือง ทำให้จำนวนทั้งหมดเป็น 23 เมืองภายใต้โครงการนี้