Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้ร่วมเขียนบทความ 37 หน้าในเดือนนี้ เพื่ออธิบายว่าอนาคต Ethereum จะมุ่งเน้นไปยังระบบนิเวศที่เรียกว่า Decentralized Society ได้อย่างไร
สาระสำคัญของบทความนี้คือ “soulbound tokens” ที่คาดว่าจะพร้อมใช้งานจริงในช่วงปลายปีนี้ (ชื่อของโทเค็นนั้นน่าจะมาจาก “soulbound items” ของเกม World of Warcraft ซึ่ง Buterin เคยกล่าวยกย่องไว้ก่อนหน้านี้)
Soulbound Token (SBT) เป็นโทเค็น NFTs ที่บุคคลสามารถสร้างรายได้ส่วนหนึ่งจากการทำงานและการศึกษา และมันไม่เหมือนกับ NFT ทั่วไป เนื่องจากพวกมันจะไม่สามารถโอนไปให้กับคนอื่นได้ แต่กลับกัน SBT จะใช้เป็นตัวแทนชื่อเสียงและความสำเร็จของบุคคล หรือ “resume ฉบัยย่อ” Buterin เขียนอธิบายในบทความ
แนวคิดการสร้างเหรียญนี้คือ เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ทางสังคมของผู้คน ด้วยการใช้โทเค็นที่ไม่ซ้ำใครและไม่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ ในทางทฤษฎีโทเค็นนี้สามารถช่วยแก้ปัญหาบางอย่างที่เคยส่งผลกระทบร้ายแรงกับ decentralized finance เช่น การฉ้อโกงและการโจรกรรม
ยกตัวอย่างกรณีการใช้งานเช่น การออกปริญญาเป็น SBT Tokens ของมหาวิทยาลัย นายจ้างที่เริ่มให้เหรียญ SBT Token แก่พนักงาน หรือผู้จัดงานแจก SBT Token ให้กับผู้เข้าร่วมงาน ข้อมูลประจำตัวที่เป็นเอกลักษณ์เหล่านี้อาจทำให้นักต้มตุ๋นปลอมตัวเป็นบุคคลอื่นได้ยากขึ้น และง่ายขึ้นสำหรับนายจ้างที่คาดหวังในการตรวจสอบประวัติการทำงานหรือการฝึกอบรมเมื่อพวกเขาพิจารณาข้อมูลการจ้างงาน
นอกจากนี้ SBT Token ยังช่วยให้องค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ (DAO) สามารถคัดกรองสมาชิกตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น DAO ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมสามารถส่งต่อเหรียญ SBT Token ไปให้กับผู้ถือ SBT Token ที่ดำเนินการในด้านสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ต่อยอดในการคัดสรรบุคลากร โดย Buterin ได้เรียกการดำเนินการนี้ว่า “souldrops”
จากนั้น SBT Token ของแต่ละบุคคลก็จะถูกตรวจสอบโดย node ในที่นี้จะเรียกว่า “souls” หรือบุคคลที่สามารถรับรองคุณและข้อมูลประจำตัวหรือความสำเร็จที่คุณได้รับจากโทเค็น คล้าย ๆ กับวิธีที่คนรู้จักใน LinkedIn สามารถตรวจสอบทักษะของคุณได้ ทั้งหมดนี้จะถูกเก็บบันทึกไว้ในกระเป๋าเงินและบนบล็อคเชน ซึ่งไม่ต่างจากกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการเก็บคริปโตและ NFT ในปัจจุบัน
ที่มา : finance.yahoo