นักพัฒนาของ Ethereum ประกาศชะลอการใช้งาน “Difficulty Bomb” ออกไปอีกครั้งซึ่งนั่นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริธึมฉันทามติที่ทำให้ไม่สามารถขุด Ethereum ได้ในท้ายที่สุด
ประกาศดังกล่าวถือเป็นข่าวร้ายสำหรับแฟน ๆ ของ Ethereum ที่หวังได้เห็นการอัพเกรดเป็น Ethereum 2.0 จะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม ในขณะที่ Mikhail Kalinin นักวิจัยของ ConsenSys ได้เริ่มงานอย่างเป็นทางการในการอัพเกรด Ethereum ในช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
เหล่านักพัฒนาก็ได้อัพเดตให้ชุมชนรับรู้เกี่ยวกับความคืบหน้าในการโยกย้ายอัลกอริธึม Proof-of-Work ที่ใช้พลังงานมากของ Ethereum ไปเป็นอัลกอริธึม Proof-of-Stake
แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าการอัพเกรดจะพร้อมใช้งานภายในเดือนสิงหาคมเว้นแต่จะเจอปัญหาใหญ่ใด ๆ ขึ้นมา
การเลื่อนใช้ Difficulty Bomb
นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อัปเดตล่าสุดเมื่อวันศุกร์ โดยอธิบายถึงการชะลอการใช้งาน “Difficulty Bomb” ซึ่งเป็นโค้ดที่เมื่อเปิดใช้งานแล้ว จะค่อย ๆ บูธเครื่องขุดออกจากบล็อกเชนและเพิ่มความยากลำบากในการขุดจนกระทั่งไม่สามารถขุด Ethereum ขึ้นมาได้
ทางนักพัฒนาได้ปล่อย Difficulty Bomb ออกมาแล้วและได้ชะลอการใช้งานออกไปก่อนหน้านี้
ในวันศุกร์ ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้กระตุ้นให้นักพัฒนาผลักดันให้เปิดเผยวันที่แน่นอนในการเปลี่ยนเป็น Ethereum 2.0 กลับคืนมา หลังจากทดสอบการอัพเกรด The Merge บน Ropsten testnet ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายทดสอบที่เก่าแก่ที่สุดสำหรับ Ethereum
Danny Ryan ผู้พัฒนารายหนึ่งระบุว่า 14% ของผู้ตรวจสอบเครือข่าย รวมถึงผู้ที่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย ถูกทำให้ออฟไลน์เมื่อมีการปรับใช้โค้ดใหม่
Danny กล่าวว่าเขาจะ “กระโดดโลดเต้นด้วยความปิติยินดี” หากโค้ดถูกนำไปใช้กับบล็อกเชนหลักของ Ethereum ในสถานะปัจจุบัน เขาสรุปการทดสอบบน Ropsten ว่าเป็นสถานการณ์ที่ผู้ตรวจสอบ 9% พบปัญหาในการกำหนดค่าและข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ 2 ข้อส่งผลกระทบต่อผู้ที่ stake เหรียญเอาไว้บางราย
อย่างไรก็ตาม นักพัฒนาซอฟต์แวร์รายอื่น ๆ ก็เริ่มระมัดระวังมากขึ้น โดยสนับสนุนให้ชะลอการเปิดใช้งานโค้ดออกไปจนกว่าปัญหาทั้งหมดจะคลี่คลาย
“การชะลอการใช้งานออกไปจะทำให้คุณมีเวลา” Thomas Jay Rush กล่าวในการโทรซึ่งนั่นจะอำนวยความสะดวกให้หัวหน้านักพัฒนาอย่าง Tim Beiko
“แม้มันจะดูไม่ดีสำหรับชุมชน แต่คุณไม่สามารถทำอะไรกับมันได้”
Tim รู้สึกว่าการรีสตาร์ท Difficulty Bomb อาจทำให้นักพัฒนามีเวลาพักหายใจหายคอและป้องกันไม่ให้เกิดอาการหมดไฟในการทำงาน”
นักพัฒนาอีกคนที่ชื่อ Alexey Sharp กล่าวว่าพวกเขากำลังทำงานอย่างเต็มที่และไม่ต้องการ “ทำด้วยความรู้สึกเร่งรีบ”
Tim มั่นใจการเปิดตัวมาแน่ปีนี้
Tim ยอมรับว่าพวกเขายังไม่ได้ใช้งานโค้ดบน mainnet นั่นคือโค้ดจะยังไม่พร้อมที่จะรวมเข้ากับบล็อกเชนของ Ethereum ในปัจจุบัน
Vitalik กล่าวว่าการอัพเกรด The Merge อาจถูกชะลอออกไปหากนักพัฒนาต้องใช้เวลาเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวในเดือนกันยายนหรือตุลาคม Tim บอกกับทาง Bloomberg ว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ The Merge จะไม่ควรเกิดขึ้นในปีนี้โดยเขาอ้างว่ามีโอกาสเกิดขึ้นในปีนี้ 90-99%
การขะลอการใช้งาน Difficulty Bomb เป็นเหมือนดาบสองคมหากเกิดความล้มเหลวหลังจากมีการปรับใช้นั่นจะเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับเครือข่าย
ในทางกลับกัน ยิ่งนักพัฒนาใช้เวลานานเท่าใดก็ยิ่งมีเวลามากขึ้นสำหรับการเปลี่ยนยุคสมัยให้ Ethereum กลายเป็นบล็อกเชนที่ทำงานแบบ Proof-of-Stake เพื่อที่จะได้กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในตลาดคริปโตอีกครั้ง