EDX Markets (EDX) แพลตฟอร์มเว็บเทรด Crypto ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Fidelity Digital Assets, Charles Schwab และ Citadel Securities ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ หลังจากเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มมานานร่วมกว่า 9 เดือน อ้างอิงตามประกาศของบริษัทเมื่อวันอังคาร
“ผมภูมิใจที่จะประกาศว่า EDX Markets ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และเสร็จสิ้นรอบการลงทุนกับพาร์ทเนอร์รายใหม่” Jamil Nazarali CEO ของ EDX Markets กล่าวบน LinkedIn “การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ EDX Markets จะช่วยให้ทีมที่โดดเด่นของพวกเราสามารถนำเสนอคุณค่าและมาตรฐานการแข่งขันของ Crypto, ความโปร่งใส, ความเท่าเทียมและความปลอดภัย ที่เหล่านักลงทุนในสินทรัพย์แบบดั้งเดิมคาดหวังและชื่นชอบ”
กระดานเทรด Crypto แห่งใหม่นี้ ขึ้นมาอยู่ในหน้าข่าวสาร หลังจากประกาศเริ่มดำเนินการสร้างเมื่อเดือนกันยายน พร้อมได้รับการเงินลงทุนสนับสนุนจากบริษัท TradFi ยักษ์ใหญ่หลายแห่งอย่าง Fidelity, Schwab, Paradigm, Sequoia Capital และ Citadel
การเปิดตัว EDX Markets เกิดขึ้นไม่นาน หลังจาก BlackRock บริษัทกองทุนยักษ์ใหญ่ระดับโลก ได้ยื่นเอกสารขอจัดตั้งกองทุน Bitcoin spot ETF ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ EDX Markets มีความแตกต่างจากกระดานเทรด Crypto แห่งอื่น ๆ คือ การที่กระดานเทรดแห่งนี้ไม่ได้เสนอบริการดูแลจัดการสินทรัพย์ของผู้ใช้บริการ โดยผู้ใช้บริการจะต้องทำการซื้อขาย Crypto ผ่านคนกลางที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับการเทรดผ่านตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange (NYSE) หรือ Nasdaq (NASDAQ) ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลจำเป็นต้องปฏิบัติต่อ EDX Markets แตกต่างจากกระดานเทรดอื่น เพราะมันมีความจำเป็นที่จะต้องแยกฟังก์ชันของกระดานเทรดออกจากฟังก์ชันของโบรคเกอร์ Jamil Nazarali กล่าว
“สิ่งที่พวกเราเห็นคือ นักลงทุนต้องการเทรดผ่านตัวกลางที่มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยเฉพาะหลังการล่มสลายของ FTX ที่ควรจะเป็นผู้นำตลาดดิจิทัล หากคุณไว้ใจพวกเขาไม่ได้ พวกคุณจะไว้ใจใครได้ ?” Jamil Nazarali กล่าวกับ CoinDesk ในระหว่างการสัมภาษณ์ในเดือนเมษายน “ดังนั้น ผู้คนจึงกลับมาหาบริษัทที่อยู่มานานและยืนหยัดต่อการทดสอบของเวลา และนั่นเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเรา”
บริษัทจะเปิดตัว EDX Clearing ภายในปีนี้ เพื่อใช้กับคู่เทรดต่าง ๆ บน EDX Markets อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ แพลตฟอร์มได้เปิดให้เทรด Crypto เพียง 4 สกุลเท่านั้น ได้แก่ Bitcoin, Ethereum (ETH), Litecoin (LITE) และ Bitcoin Cash (BCH) เนื่องจากการกำกับดูแลในสหรัฐฯ ยังคงไม่ชัดเจน
ที่มา: CoinDesk