<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Microsoft เปิดตัว “อัลกอริทึมแห่งความคิด” ฉลาดขึ้นกว่าเดิม สามารถใช้เหตุผลได้เหมือนมนุษย์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Microsoft บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีได้เปิดตัววิธีการฝึกอบรม AI รูปแบบใหม่ เรียกว่า  “อัลกอริทึมแห่งความคิด” (AoT) ซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถใช้เหตุผลได้เหมือนมนุษย์ เช่นเดียวกับ ChatGPT

ขณะเดียวกัน บริษัทที่ลงทุนด้าน AI เจ้าอื่น ๆ ก็กำลังใช้แนวทางใหม่นี้เช่นกัน โดยเฉพาะ OpenAI ซึ่งเป็นผู้สร้าง DALL-E, ChatGPT และโมเดลภาษา GPT 

Microsoft กล่าวว่า “เทคนิค AoT เป็นตัวเปลี่ยนวงการที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีขั้นตอนการแก้ปัญหาที่คล่องตัวมากขึ้น” จากรายงานวิจัยระบุว่า แนวทางใหม่นี้ ใช้วิธีการเรียนรู้จากบริบท ช่วยให้โมเดลภาษาสามารถสำรวจโซลูชันที่แตกต่างกัน และจัดเก็บอย่างเป็นระบบมากขึ้น

แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และใช้ทรัพยากรน้อยลง

จากเอกสารระบุว่า “เทคนิคนี้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าวิธีการค้นหาแบบ single-query ที่มีอยู่เดิม และยังเทียบเท่ากับ  multi-query ซึ่งเป็นการค้นหาแบบต้นไม้ที่ไม่รู้จบ” และจากผลลัพธ์ที่น่าทึ่งชี้ให้เห็นว่า การป้อนโมเดลนี้ให้กับอัลกอริทึมจะช่วยทำให้อัลกอริทึมมีประสิทธิภาพที่เหนือขึ้นกว่าเดิม”

นักวิจัยอ้างว่าโมเดลจะมีเซ้นส์ที่ดีขึ้น หากมีการปรับกระบวนการค้นหาให้เหมาะสม

ครึ่งคนครึ่ง AI ?

วิธีการแบบ AoT ทำให้เราเห็นว่า การเรียนรู้จากบริบทในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดอยู่ เช่น วิธี “Chain-of-Thought” (CoT) บางครั้งมีขั้นตอนในช่วงกลางที่ไม่ถูกต้อง ในขณะที่ AoT จะแนะนำโมเดลโดยใช้ตัวอย่างอัลกอริทึมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้มากขึ้น 

ขณะที่มนุษย์จะมีความสามารถในการรับรู้ตามสัญชาตญาณเป็นเลิศ อัลกอริธึมเองก็ขึ้นชื่อในด้านการสำรวจที่เป็นระบบและละเอียดถี่ถ้วน โมเดล AoT นี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากทั้งมนุษย์และเครื่องจักร เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของโมเดล AI เชิงสร้างสรรค์ ด้วยการผสมรวมข้อดีทั้งของมนุษย์และ AI เข้าด้วยกัน 

นอกจากนี้แล้ว Microsoft กล่าวเสริมว่า เทคนิคไฮบริดนี้ช่วยให้โมเดลยังกำจัดข้อเสีย หรือเอาชนะข้อจำกัดด้านความจำของมนุษย์ ทำให้โมเดล AoT ส่งคำสั่งให้อัลกอริทึมไตร่ตรองปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ 

โดยรวมแล้วโมเดล AoT คือ การเปลี่ยนจากการเรียนรู้แบบมีผู้สอน เป็นเรียนรู้ด้วยตนเอง นักวิจัยเชื่อว่า แนวทางนี้สามารถสามารถแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนอีกด้วย

ด้วยการลงทุนด้าน AI จำนวนมาก ทำ Microsoft จะอยู่ในตำแหน่งผู้นำในการรวม AoT เข้ากับโมเดลภาษาขั้นสูง อย่าง GPT-4 แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้

ที่มา: Decrypt