หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องราวของคนรวยที่รวยขึ้นจากการลงทุนใน Bitcoin และคริปโต บางครั้งคริปโตได้เปลี่ยนเศรษฐีให้กลายเป็นมหาเศรษฐี ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องปกติแต่ก็มีอยู่จริง เราจึงได้รวบรวมรายชื่อบุคคลธรรมดา 5 คนที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเศรษฐีจากการลงทุนในคริปโตมานำเสนอในบทความ
1. Glauber Contessoto:
เรื่องราวความร่ำรวยของ Glauber Contessoto หรือชายที่รู้จักกันในชื่อ ‘SlumDoge Millionaire’ เป็นเรื่องราวที่ดึงดูดให้ผู้คนเข้าสู่วงการคริปโต ซึ่ง Contessoto มีภูมิหลังมาจากความยากจน ครอบครัวของเขาต้องอพยพจากบราซิลไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และเขาบอกว่าเขา “ยากจนจริงๆ” ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ก่อนที่ชีวิตของเขาจะพลิกโผกลายเป็นเศรษฐี Contessoto เคยทำงานในบริษัทเพลงแห่งหนึ่งและยังได้ลงทุนในช่วงสั้นๆ ด้วย
ในช่วงต้นปี 2021 Contessoto ได้ยินเกี่ยวกับเหรียญ Doge และตัดสินใจลงทุนใน เหรียญ Meme Coin อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีรายได้เพียงพอในการลงทุน เขาจึงขายหุ้นเกือบทั้งหมดและยืมเงิน (ในรูปแบบของมาร์จิ้น) จากแอป Robinhood เพื่อซื้อ Dogecoin ของเขา จากนั้นโพสต์ทวีตจาก Elon Musk ก็ส่งผลให้ราคา Dogecoin พุ่งสูงขึ้น และอีกสองเดือนต่อมา Glauber Contessoto ก็กลายเป็นเศรษฐี คริปโต
2. Erik Finman
ในปี 2010 ตอนที่ Erik Finman หนุ่มน้อยวัย 11 ปี ผู้เกลียดการไปโรงเรียน วันหนึ่งเขากับพี่ชายของเขาได้ไปประท้วงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเขาได้เห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อยืด Bitcoin เขาจึงถามชายคนนั้นว่าคืออะไร พี่ชายของเขาตอบว่า “วอลล์สตรีทกำลังจะมาถึงคราวอวสาน”
เขาจึงได้รับแรงบันดาลใจ และในปี 2011 เขาใช้เงิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่คุณยายของเขาให้เป็นของขวัญมา นำมาลงทุนใน Bitcoin ทั้งหมด ซึ่งมีการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเวลานั้น ทุกคนทราบดีว่า Bitcoin พุ่งสูงขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ Finman กลายเป็นเศรษฐีคริปโต เมื่อตอนอายุเพียง 15 ปี เขาได้ขาย BTC มูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วเริ่มต้นก่อตั้งสตาร์ทอัพแพลตฟอร์มการศึกษาชื่อ Botangle ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจจากผลการเรียนที่ไม่ดีของเขา และขายมันไปในราคา 300 BTC อีกไม่กี่ปีต่อมา จึงทำให้พอร์ตโฟลิโอ Bitcoin ของเขามีขนาดใหญ่ขึ้น
3. Rachel Siegel
ปัจจุบัน Rachel Siegel เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการคริปโต เธอเป็นเศรษฐี Bitcoin และเป็นผู้ก่อตั้ง Crypto Final ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่นำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้ในวงกว้าง ในปี 2017 เธอเป็นเพียงครูสอนแทน เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ใช้เงินเดือนชนเดือนในอพาร์ตเมนต์มืดๆ ที่นิวยอร์ก อย่างไรก็ตามชีวิตของเธอเปลี่ยนไปหลังจากที่เธอเข้าร่วมงานปาร์ตี้หลังการประชุมเกี่ยวกับคริปโต จากนั้นเป็นต้นมา Siegel ตัดสินใจนำเงินที่เหลือจากเช็คเงินเดือนรายสัปดาห์ของเธอประมาณ 25 ดอลลาร์ไปลงทุนคริปโต เมื่อเวลาผ่านไปคริปโตของเธอมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 7 หลักในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
4. Kane Ellis: Kane Ellis
Kane Ellis เศรษฐี Bitcoin และเป็นเจ้าของ Maserati อย่างไรก็ตามโชคลาภของเขาไม่ได้มาจากการลงทุน แต่เขากลับหันมาสร้างรายได้จากการขุดคริปโตแทน ในปี 2011 Ellis ที่เป็นเด็กมัธยมปลายวัย 18 ปีที่ต้องออกจากโรงเรียนมัธยมปลายและเรียนรู้เกี่ยวกับการขุดเหมืองผ่านงานไอทีของเขา ในขณะที่เขาออกไปทำงาน คอมพิวเตอร์ของเขายังคงขุด BTC ต่อไป
ในตอนแรกเขาขุดได้เพียงประมาณ 4 BTC ต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 8 ดอลลาร์ในขณะนั้น ถือเป็นรายได้ที่ดี แต่ Ellis คาดการณ์ไว้ว่าในอนาคตจะสามารถสร้างกำไรได้มากและมันก็ทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยรายได้ BTC ของเขา เขาเริ่มต้นใช้ CarSwap ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกชั้นนำสำหรับการซื้อขาย,การขาย,การซื้อรถยนต์ และรถยนต์ Maserati ของเขาเองก็มีป้ายทะเบียน “BANKRPT”
5. Tommy และ James
เมื่อปีที่แล้ว CNN Business ได้เล่าเรื่องราวของสองพี่น้องจากเวสต์เชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ที่จากเกือบกลายเป็นคนตกงานเปลี่ยนกลายมาเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน พวกเขาทั้งคู่สนใจการถ่ายทำและถ่ายภาพงานแต่งงาน แต่ด้วยมาตรการล็อกดาวน์เนื่องจากโควิด-19 การหางานจึงเป็นเรื่องยาก จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 เพื่อนคนหนึ่งได้เล่าให้ Tommy และ James ฟังเกี่ยวกับชิบะ อินุ เหรียญมีมที่อาจทำเงินได้มหาศาล พวกเขาทอยลูกเต๋าบนเหรียญมีม โดยคิดว่ามันเป็น “ตั๋วล็อตโต้ที่ไม่มีวันหมดอายุ”
ตอนแรกพี่น้องทั้งสองคนสามารถเก็บเงินได้ 200 ดอลลาร์และซื้อ SHIB เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีมูลค่าเพียงเศษสตางค์ในขณะนั้น หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ การลงทุนของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น 300 เปอร์เซ็นต์ พวกเขาจึงให้แม่และน้องสาวลงทุนด้วย และสองเดือนต่อมาพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาและกลายเป็นเศรษฐี
แม้ว่าเรื่องราวของบุคคลเหล่านี้อาจทำให้คุณอยากซื้อคริปโต โดยเร็วที่สุด แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ที่มา: CNBC