Tom Emmer หนึ่งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ที่สนับสนุนคริปโต ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) อย่าง Gary Gensler ว่าตัวเขาไร้ความสามารถในการบริการ พร้อมแนะนำให้ควบคุมการละเมิดการบังคับใช้กับอุตสาหกรรมคริปโต
วันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่ามา ทางรัฐสภาได้มีการพูดคุยและเสนอให้มีการควบคุม SEC ในการใช้เงินทุนสำหรับการบังคับใช้กับอุตสาหกรรมคริปโต จนกว่าสภาคองเกรสจะกำหนดขอบเขตการกำกับดูแล
โดย Emmer ได้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นของการควบคุมโดยการบังคับใช้ของ SEC ในปัจจุบัน ที่ถูกบริษัททางด้านคริปโตวิพากษ์วิจารณ์ถึงการถูกยับยั้งไม่ให้นวัตกรรมต่างๆ ไม่ให้เติบโต
“หน่วยงานกำกับดูแลได้มีการบังคับใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่เหมือนกันกับฝ่ายบริหารชุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ SEC และประธานอย่าง Gary Gensler มีแนวทางต่อตลาดทุนและอุตสาหกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชุมชนคริปโตเคอร์เรนซีที่กำลังเติบโตเป็นอย่างมาก
ซึ่งผมมีความตั้งใจที่จะยุติรูปแบบการละเมิดกฎระเบียบของประธานGensler ที่ทำให้นวัตกรรมของอเมริกาถูกบดขยี้ แต่จะไม่ลดความสามารถในการตามล่าอาชญากรลง”
“นอกจากนี้ ผมต้องการแก้ไขให้ SEC ใช้เงินสำหรับกิจกรรมการบังคับที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสินทรัพย์ คริปโต จนกว่าสภาคองเกรสจะผ่านกฎหมายที่ให้อำนาจ SEC ให้อยู่เหนือสินทรัพย์ประเภทนี้
สิ่งนี้จะทำให้ประธาน SEC ผู้ซึ่งพิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่าเป็นบุคคลที่ไม่มีประสิทธิผลและไร้ความสามารถในการสนับสนุนคริปโต ในขณะที่สภาคองเกรสยังคงทำงานเพื่อให้โอกาสกับอุตสาหกรรมนี้ที่จะสามารถเติบโตและพัฒนาในสหรัฐอเมริกาได้”
นอกจากนี้ ตัวเขายังได้ยกตัวอย่างถึงการดำเนินการของ SEC ที่มีต่อตลาดคริปโต ไม่ว่าจะเป็นการฟ้องร้อง Coinbase ในข้อหาซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ โดยไม่ได้มีแนวทางด้านกฎระเบียบที่ชัดเจน
การใช้อำนาจกับ Ripple ในชั้นศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นการทำตามอำเภอใจ รวมถึงการปฏิเสธที่จะอนุมัติ Bitcoin Spot ETF ของ Grayscale ซึ่งตัว Emmer มองว่า สิ่งนี้เป็นอันตรายต่อความสามารถในการแข่งขันของอเมริกาในเวทีโลก
นอกจากนี้ตัวเขายังได้เสริมว่า กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง และสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศมีอำนาจเพียงพอที่จะดำเนินคดีอาญาในกรณีที่พบบริษัทที่ทำผิดในอุตสาหกรรมนี้ และไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อำนาจของ SEC เลย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ร่างการแก้ไขได้ถูกส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาแล้ว และเราก็คงต้องมาติดตามกันต่อไปว่า SEC จะรับมือกับการเคลื่อนไหวนี้อย่างไร
ที่มา: TheBlock