Lane Rettig หนึ่งในอดีตทีมงานหลักที่ร่วมพัฒนา Ethereum ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการจัดสรรโทเค็น ETH โดยระบุว่ากว่า 70% ของ ETH ทั้งหมด ถูกแจกจ่ายไประหว่างช่วง Pre-mine ซึ่งเป็นการสร้างโทเค็นก่อนขาย ICO ต่อมาตัวเลขดังกล่าวยังคงลดลงเหลือประมาณ 60%
การเปิดเผยครั้งนี้ ส่งผลให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใส และความยุติธรรม ของ Ethereum ในการเปิดขายเหรียญ ICO
อย่างไรก็ตาม Rettig เองก็ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่ามีเหรียญ pre-mined อยู่กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันอาจจะอยู่ช่วงไหนก็ได้ระหว่าง 10% ถึง 80% อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่าสัดส่วนที่แสดงให้เห็นนั้นสูงมากแม้จะไม่ได้มีตัวเลขออกมาชัดเจนก็ตาม
ประเด็นข้อกล่าวหาเกี่ยวข้องกับการเปิดขาย ICO ของ Ethereum นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ในอดีตเคยมีการพูดคุย และ ข่าวลือ ที่เกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสของ Ethereum ในการแจกจ่ายเหรียญในช่วงแรก แต่การที่คุณ Rettig ออกมาพูดในประเด็นนี้ยิ่งเป็นการเทน้ำมันเข้ากองไฟ
อีกทั้งเขายังได้พูดถึงข่าวลือเรื่องที่ บุคคลกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งได้ซื้อเหรียญ ETH ในช่วง pre-mined เป็นจำนวนมาก นี่ทำให้เกิดความกังวลว่า Ethereum อาจจะเกิดการรวมศูนย์ และ อาจถูกคนเหล่านั้นควบคุมเครือข่ายอยู่ในเบื้องหลัง
เหตุการณ์ล่าสุดนี้ทำให้วิดีโอเมื่อปีที่แล้วกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง ซึ่งมีเนื่อหาที่ Jospeh Lubin อีกหนึ่ง co-founder ของ Ethereum ให้คำปรึกษากับนักลงทุนชุดแรก ๆ ในการปิดบังตัวตนขณะเปิดขายเหรียญ ICO ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาจากสาธารณชน ที่อาจไม่พอใจเมื่อรู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งถือเหรียญจำนวนมากอยู่ วิดีโอนี้ยิ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจในความโปร่งใส่ของ Ethereum ในช่วงแรก
คุณ Rettig นั้นได้เข้ามามีส่วนร่วมกับทีมพัฒนา Ethereum เพียงแค่ปีครึ่ง โดยสาเหตุที่เขาทำการแยกตัวออกมาเป็นเพราะว่า ปัญหาของเหรียญ ETH ในช่วงแรก จากข้อมูลของตัวคุณ Rettig เอง หน้าที่ของเขาถูกปรับเปลี่ยนไปอย่งมากจากที่เขาคาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าต้องคอยสนับสนุนความเห็นของใครบางคน เช่น Joseph Lubin
การกล่าวหาในครั้งนี้ไม่ใช่การกล่าวหาครั้งเดียวที่เกิดขึ้น Steven Nerayoff อดีตผู้ให้คำแนะนำของ ETH ก็ได้ออกมาประณาม เหล่าผู้บริหาร ไม่ว่าจะเป็น Vitalik Buterin หรือ Joseph Lubin ที่ได้กระทำการฉ้อโกงขณะทำการ ICO ซึ่งเขาได้เปรียบเทียบกับกรณีของ FTX ว่า เหตุการณ์ของ Ethereum นั้นร้ายแรงกว่ามาก
ในปัจจุบันหลายฝ่ายต่างกังวลว่า ecosystem ของ Ethereum จะถูกควบคุมและอาจพังลง พวกเขาต้องการความโปร่งใส และความยุติธรรมที่มากขึ้น จากทั้งทาง Ethereum และ โปรเจกต์ต่าง ๆ บนบล็อกเชนของ Ethereum ซึ่งหากสำเร็จอาจส่งผลดีในระยะยาวให้กับ Ethereum และอุตสหกรรมคริปโททั้งหมด
ที่มา : Cryptopolitian