ถึงแม้ Minecraft จะเคยแบน NFT ในเกม sandbox เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2022 แต่นักพัฒนา Mojang และผู้จัดจำหน่ายของ Microsoft ก็ได้เซอร์ไพรส์ทุกคน ด้วยการอนุมัติให้มีการรวมเกมเข้ากับ Worldcoin โปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีที่ใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบ biometric โดยมี Sam Altman CEO ของ OpenAI เป็นหัวหน้าผู้บริหาร
การรวมเข้ากับ Worldcoin ในเกม Minecraft จะอนุญาตให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์จำกัดการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของตน เฉพาะสำหรับผู้เล่นที่มี “World ID” เท่านั้น โดย World ID นี้เป็นเหมือน “พาสปอร์ตยืนยันตัวตน” ที่ Worldcoin สร้างขึ้น โดยผู้เล่นจะต้องไปสแกนม่านตาด้วยตนเองเพื่อขอรับ World ID
Minecraft vs. NFT
ย้อนกลับไป เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2022 Mojang นักพัฒนาเกม Minecraft ได้ประกาศห้ามรวมเทคโนโลยี NFT ทุกรูปแบบภายในเกม เหตุผลหลักมาจากความกังวลเรื่อง “ความขาดแคลนและการกีดกัน” ซึ่งขัดแย้งกับแนวทางของเกมและ “จิตวิญญาณของ Minecraft”
การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อวงการ web3 อย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโปรเจกต์ NFT Worlds ที่เคยทำเงินจากการซื้อขายกว่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ โดยมีการปรับกลยุทธ์และหันไปสร้างอาณาจักร voxel ของตัวเองขึ้นมาใหม่
การที่ Mojang อนุมัติรวมเข้ากับ Worldcoin ในเกม Minecraft นั้นถือเป็นสัญญาณแรกของการเปลี่ยนแปลงท่าทีต่อเทคโนโลยีบล็อกเชนในรอบ 18 เดือน หลังจากเคยแบน NFT อย่างเด็ดขาด
Sam Altman และ Microsoft
Microsoft ได้ลงทุนจำนวนมากใน AI ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในตอนแรกได้จับมือเป็นพันธมิตรรายใหญ่ จากนั้นจึงซื้อหุ้น 49% ในบริษัท OpenAI ของ Sam Altman ผู้สร้าง ChatGPT
หลังจากการเลิกจ้างอันน่าตกใจของ Sam Altman ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 Satya Nadella CEO ของ Microsoft ได้ให้การสนับสนุน Sam Altman ผ่านสาธารณะหลายครั้ง แต่นี่เป็นสัญญาณแรกที่ Microsoft เปิดกว้าง เพื่อสำรวจวิธีที่พวกเขาสามารถทำงานร่วมกับธุรกิจ Worldcoin ของ Sam Altman
อย่างไรก็ตามการร่วมมือกันของ Worldcoin x Minecraft จะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับโทเค็น $WLD เนื่องจาก Minecraft จะใช้เทคโนโลยี World ID เพียงอย่างเดียวในการตรวจสอบความถูกต้องของผู้เล่น สิ่งนี้ทำให้การทำงานร่วมกันสอดคล้องกับนโยบายต่อต้าน NFT EULA ที่เข้มงวดของ Minecraft และอนุญาตให้ผู้เล่นในสหรัฐฯ สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่จำกัดด้วย World ID
ที่มา : NFTplazas