ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่กันแล้วนะครับทุกท่าน โดยในปี2023 นั้นถือเป็นปีที่ดีทีเดียวเลยสำหรับตลาดคริปโตที่เริ่มฟื้นตัวและกลับมาคึกคักนับตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้จุดสูงสุดใหม่อย่างน่าประทับใจ
และในบทความนี้เราจะพาทุกท่านมาย้อนดูกันดีกว่าครับว่าในปีนี้มีเหรียญใดบ้างที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด และเหรียญไหนที่ให้ผลตอบแทนที่แย่ที่สุด มาดูกันครับ
5 อันดับเหรียญที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในปีนี้
อันดับที่ 5. Solana (SOL)
เหรียญ Open-Source DeFi Solution มาแรงแห่งปี ด้วยราคาเหรียญที่ทะลุเกิน 100 ดอลลาร์ โตขึ้นมากถึง 1,000% ในปีนี้
อันดับที่ 4. Render (RNDR)
เป็นเหรียญที่อยู่บน Ethereum ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถยืมพลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ได้ โดยในปีนี้โตขึ้นถึง 1155%
อันดับที่ 3. Kaspa (KAS)
เหรียญ PoW ที่มีการนำ GHOSTDAG Protocol มาใช้งานทำผลงานได้น่าประทับใจในปีนี้ด้วยอัตราการเติบโต 1889%
อันดับที่ 2. Injective (INJ)
เหรียญคริปโตอันดับที่สองของปีนี้ตกเป็นของเหรียญ อนุพันธ์แบบกระจายอำนาจ และ Smart contracts อย่าง INJ ทำสถิติเติบโตขึ้นถึง 2828%
อันดับที่ 1. Bonk (BONK)
สำหรับที่หนึ่งของปี 1 หนีไม่พ้น BONK เหรียญมีมหมาอีกตัวบนเชน Solana ที่ได้รับความนิยมสูงเมื่อไม่นานมานี้ด้วยอัตราการเติบโตที่สูงถึง 7595%
และเมื่อมีเหรียญที่ทำผลงานได้ดีก็ต้องมีเหรียญที่ทำผลงานได้ไม่ดีและนี่คืออันดับเหรียญยอดแย่แห่งปีครับ
5 อันดับเหรียญยอดแย่ในปีนี้
อันดับที่ 5. EOS (EOS)
แพลทฟอร์มบล็อกเชนแบบ Open Source ทำผลงานในปีนี้ -1.75%
อันดับที่ 4. Terra Classic (LUNC)
เหรียญต้นตำหรับของ LUNA ก่อนจะทำการ Hard Fork ซึ่งมีราคาร่วงลงมาจากราคาสูงสุดถึง -100% หรือกว่า 100 ดอลลาร์ โตติดลบ -0.33% ในปีนี้
อันดับที่ 3. TonCoin (TON)
เหรียญ Decentralize Layer 1 Blockchain ร่วงลง -2.34% ในปีนี้
อันดับที่ 2. Chiliz (CHZ)
เหรียญพริกที่ไม่ค่อยจะเผ็ดร้อนเท่าไร เป็นเหรียญที่ใช้กับแพลทฟอร์มกีฬา และ ความบันเทิง ในปี 2023 มีราคาลดลง -90% และโตติดลบ -10.2% ในปีนี้
อันดับที่ 1. ApeCoin (APE)
และสุดท้ายแชมป์เหรียญยอดแย่แห่งปีตกเป็นของเหรียญลิง เหรียญ ERC-20 ที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับ NFT ทำผลงานสุดห่วยด้วยการโตติดลบถึง -53.9%
มุมมองต่อการลงทุนปี 67
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ออกมาให้ความเห็นว่าในปีหน้าจะเป็นที่ดีของคริปโต เนื่องจากปัจจัยหลัก ๆ สองอย่างคือ Bitcoin Spot ETF และ Bitcoin Halving ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อราคาเหรียญ และ ตลาดของคริปโตทั้งหมด เป็น Super Cycle ที่จะเกิดขึ้นเหมือนช่วงพีคครั้งก่อน อีกทั้งยังจะมีการเลือกตั้งทั่วไป และการร่างกฎหมายคริปโตในสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าตลาดคริปโตในปีนี้จะเป็นสีเขียวและปีหน้ามีแววที่จะเข้าสู่ช่วงตลาดกระทิง ในปีหน้า แต่นักลงทุนก็ไม่ควรประมาทเด็ดขาด เพราะหากไม่ศึกษาให้ดีและเลือกลงทุนผิดเหรียญ ก็อาจนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่ใครต่อใครก็ไม่อยากเจอได้ ควรมีสติก่อนที่จะเทรดเสมอ แล้วมาคอยดูกันครับว่าปีหน้าจะมีเหรียญไหนให้เราได้ตื่นเต้นกัน
ที่มา : Coinmarketcap , EconomicTimes