<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ในอนาคตเราอาจได้ใช้บัตรประชาชนที่มีข้อมูลอยู่บนเครือข่าย Blockchain

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เทคโนโลยี Blockchain ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่หลายคนกำลังจับตามองในการมาใช้ในการเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญต่าง ๆ โดยโปรเจค Polygon ID และ DFINITY foundation เริ่มมีการพัฒนาการใช้งานเครือข่าย Blockchain ในการเก็บข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือแม้กระทั่งข้อมูลประกันสุขภาพ

เก็บข้อมูลส่วนตัวผ่านทาง Polygon ID

เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา นาย Sebastain R. Cabrera รองประธานของโปรเจค Polygon ID ได้ออกมาพูดในงาน Blockchain 2 Government Conference โดยได้กล่าวว่า ปัจจุบันโปรเจค Polygon ID กำลังพัฒนาระบบเก็บข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่มีความซับซ้อน มีความปลอดภัย และที่สำคัญ สามารถนำไปใช้งานกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้

โดยทาง Polygon ID ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลทางชีวภาพ, เอกสารระบุตัวตน, และเอกสารหลักฐานสำคัญต่าง ๆ โดยการนำข้อมูลเหล่านี้มาเก็บไว้บนเครือข่าย Blockchain และร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในบริการภาครัฐ หรือใช้ในบริการต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เอกสารระบุตัวตนเหล่านั้น

เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้เพียงแค่ใช้ Passkey ผ่านทาง DFINITY

นาย Emilio Cannsesa จาก DFINITY foundation ได้กล่าวว่าโปรเจคนี้กำลังพัฒนา Internet Identity ขึ้นบนเครือข่าย Internet Computer Blockchain เนื่องจากเห็นว่าการเก็บข้อมูลส่วนตัวแบบ Centralized ในปัจจุบันต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายที่สูง ดูแลได้อย่างจำกัด และเสี่ยงที่จะถูกขโมยข้อมูล

ทางโปรเจค DFINITY จึงได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยต้องทำให้ระบบสามารถเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ได้ และป้องกันการถูกโจมตีได้

โปรเจคนี้สร้างขึ้นบน Internet Computer Blockchain โดยเจ้าของข้อมูลสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้โดยการใช้แค่ Passkey โดยทางโปรเจคได้เคลมว่าในการเข้าถึงข้อมูลในแต่ละครั้งใช้พลังงานน้อยกว่าการกดค้นหาใน Google ถึง 3 เท่า

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ยังได้กล่าวในงานว่า หากจะพัฒนาระบบเก็บข้อมูลบนเครือข่ายจะต้องมี Keys หลัก 3 อย่างก็คือ ความเป็นส่วนตัว, ความปลอดภัย และความสามารถในการใช้ง่ายร่วมกับระบบอื่น ๆ

โดยโปรเจคต่าง ๆ เหล่านี้ได้กล่าวว่าโปรเจคของพวกเขาอยู่บนเครือข่าย Blockchain ทำให้สามารถตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้ และทาง DFINITY ก็กล่าวว่าโปรเจคนี้เป็นโปรเจคที่สามารถใช้งานได้ง่ายโดยใช้เพียงแค่ Passkey

ในขณะเดียวกัน โปรเจคต่าง ๆ ก็กล่าวว่าความท้าทายในการพัฒนาระบบระบุตัวตนก็คือการแก้ไขข้อมูลส่วนตัว เช่น การย้ายที่อยู่ ย้ายสัญชาติ และการนำข้อมูลที่มีอยู่แล้วมาใส่ไว้บนเครือข่ายได้อย่างถูกต้องทั้งหมด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากภาครัฐเมื่อให้สามารถพัฒนาระบบนีไ้ด้อย่างราบรื่น