กระทรวงการคลังของประเทศอินโดนีเซียได้ออกมาเปิดเผยว่าในปี 2023 ที่ผ่านมา ได้มียอดรายได้ภาษีรวมจากคริปโตเคอร์เรนซีอยู่ที่ประมาณ 467.27 พันล้านรูเปียห์ หรือ 31.7 ล้านดอลลาร์ ลดลงมาจากปี 2022 มากถึง 63%
ถึงแม้ว่าตลาดคริปโตจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา จากการที่ราคา Bicoin เพิ่มขึ้นมากกว่า159% แต่ประเทศอินโดนีเซียก็ยังคงประสบปัญหาการชะลอตัวของตลาดคริปโตในประเทศอย่างจริงจัง โดยปริมาณการทำธุรกรรมคริปโตในประเทศนั้นลดลงกว่า 51% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยสาเหตุที่ทำให้ปริมาณธุรกรรมลดน้อยลงนั้น ส่วนหนึ่งเกิดมาจากอัตราการเสียภาษีในประเทศ ที่นักลงทุนจำเป็นต้องเสียภาษีเป็นสองเท่าคือ ภาษีเงินได้ที่ 0.1% และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ 0.11% และยังไม่รวมถึงค่าธรรมเนียมของกระดานซื้อขายที่ต้องเสียเพิ่มอีกกว่า 0.04%
ซึ่งการมีการจำเก็บภาษีในอุตสาหกรรมคริปโตจำนวนมาก ก็ได้ส่งผลให้กระดานซื้อขายท้องถิ่นออกมาประท้วงถึงอัตราภาษีที่สูงเกินไป พร้อมกับเสนอให้ทางรัฐบาลจับเก็บภาษีเฉพาะส่วนของภาษีเงินได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานบริการทางการเงินของประเทศ (OJK) ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาจะมีการปรับเปลี่ยนการจัดประเภทสินทรัพย์คริปโตใหม่ โดยจะจัดให้อยู่ในหมวดหมู่เป็นหลักทรัพย์มากกว่าสินค้าโภคภัณฑ์
สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา INDODAX หนึ่งในกระดานเทรดคริปโตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอินโดนีเซียได้ออกมาแสดงความกังวลถึงการจัดภาษีธุรกรรมคริปโตที่มากจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนคริปโตเลี่ยงไปใช้งานกระดานเทรดต่างประเทศที่ผิดกฎหมายเพื่อทำธุรกรรมที่ถูกกว่า
ที่มา : CoinDesk