<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้ร่วมก่อตั้ง Manta ฟันธงจะมี ‘Ethereum L2’ เพียงไม่กี่ตัวที่จะอยู่รอดได้ใน 5 ปีข้างหน้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Kenny Li ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์ม  Manta Pacific  กล่าวว่า จากบล็อกเชน Ethereum layer-2 ที่ปัจจุบันใช้งานอยู่ 44 รายการ “จะมีเพียงไม่กี่รายการ” เท่านั้นที่เหลือรอดในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า 

ตามข้อมูลที่ได้จาก L2Beat  พบว่าปัจจุบันมีเครือข่าย Ethereum เลเยอร์ 2 ที่ใช้งานอยู่ทั้งหมด 44 เครือข่าย มูลค่ารวมที่ถูกล็อค (TVL) อยู่ที่ 131 แสนล้านบาท ( 36.92 พันล้านดอลลาร์ )  โดย Arbitrum (ARB) อยู่ในอันดับที่ 1 ในแง่ของ TVL คิดเป็นมูลค่า 5.1 หมื่นล้านบาท ( 14.5 พันล้านดอลลาร์ )

อย่างไรก็ตาม Li อ้างว่า ในอนาคตได้มีการวางพื้นฐานไว้อย่างเหมาะสมสำหรับ Blockchain  “Modular” เช่น Manta, Celestia และ Cosmos  เท่านั้น

ในทางกลับกันนักวิจารณ์หลายคนโต้แย้งมุมมองนี้ว่า “[โมเดลการพัฒนาแบบโมดูล่าร์]” (modular development model) เป็นเพียงแค่กลยุทธ์การตลาดเท่านั้น ความสำเร็จของเครือข่ายบล็อกเชนไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการพัฒนาและการปรับขนาด

‘Monolithic’ คือ ผู้ที่จะมาฆ่า BTC และ ETH 

Li ได้ให้กล่าวว่า จำนวน L2 ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นบนเครือข่าย Ethereum มีแนวโน้มคล้ายกับ “fork” ของเครือข่าย Bitcoin และ Ethereum ในอดีต ที่สุดท้ายแล้ว “ไม่มีอันไหนอยู่รอด” ได้

ภาพจาก: มี Ethereum เลเยอร์ 2 ที่ใช้งานอยู่ 44 เครือข่าย โดยมี TVL รวมกัน 36 พันล้านดอลลาร์ ที่มา: L2Beat

“ด้วย Bitcoin fork ทั้งหมด — Bitcoin Cash และ BSV — พวกเขาทั้งหมดใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่และทำการ fork มัน”  Li อธิบายว่า “คุณรู้อะไรไหม? เราจะทำการเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ และด้วยการสร้างสิ่งที่ดีกว่า Bitcoin”

“ตัดภาพมาที่ปี 2024 เหลือเพียงแค่ Bitcoin เท่านั้น ไม่มีชุมชน fork ของ Bitcoin ใด ๆ ที่มีตัวชี้วัด (metrics) ที่ใกล้เคียงกัน หรือมีชุมชนที่ใกล้เคียงกับชุมชนดั้งเดิมของ Bitcoin เลย”

Li กล่าวเสริมว่า สิ่งเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้นกับ Ethereum ในปี 2016 เมื่อเครือข่ายใหม่เช่น EOS และ NEO พยายามวางตำแหน่งตัวเองว่าเป็น “Ethereum killer” โดยเสนอสภาพแวดล้อม EVM และ VM เป็นทางเลือกที่ซึ่งพยายามปรับแต่งระบบนิเวศของ Ethereum ที่มีอยู่เดิมเพียงเล็กน้อย

ในมุมมองของ Li ปัญหาหลักของโปรเจกต์ที่ “forks” จาก Bitcoin และ Ethereum ทั้งหมดก็คือ พวกมันทั้งหมดถูกสร้างขึ้นเพื่อ “monolithically” ซึ่งหมายความว่าพวกมันไม่สามารถรองรับการผสานและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้

“พวกเขาทั้งหมดจึงสร้างมันขึ้นแบบ monolithically  แล้วตัดภาพมาที่ปี 2024 Ethereum คือผู้เล่นหลักที่มีความโดดเด่น”

“เราจะได้เห็น เลเยอร์ 2 จำนวนมากขนาดนี้ในอีกห้าปีหรือไม่? ฉันไม่คิดอย่างนั้น ฉันคิดว่ามันจะเหลือรอดเพียงไม่กี่รายการเท่านั้น”

Modular เป็นเครือข่าย blockchain ที่มีลักษณะพิเศษตรงที่สามารถแยกการทำงานหลักได้เป็น 4 อย่าง ได้แก่ การประมวลผลธุรกรรม, การยืนยันผลลัพธ์ธุรกรรม, กระบวนการฉันทามติ และ การจัดเก็บข้อมูลธุรกรรม 

ในทางตรงกันข้าม Blockchain แบบ  monolithic จะเน้นการใช้ระบบ single-system architecture ที่จัดการงานทั้งหมด ภายในเลเยอร์เดียว แตกต่างจาก Blockchain แบบ Modular  ที่แยกการทำงานออกไป

ที่มา: cointelegraph