<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin Halving ครั้งนี้ทำไมแตกต่างจากครั้งก่อน ! นักวิเคราะห์คาดจะเกิดสิ่งนี้ขึ้นหลังจบ Halving

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เหตุการณ์ Bitcoin Halving เหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือน โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในหรือประมาณวันที่ 20 เมษายน แม้ว่าวันเวลาที่แน่นอนจะยังไม่ชัดเจนจนกว่ามันจะใกล้เข้ามา ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นทุก 4 ปีนี้ และจะเกิดขึ้นทุกๆ 210,000 บล็อก โดยครั้งนี้เป็นบล็อกที่ 840,000

หลังจากการ Halving จะทำให้จำนวน Bitcoin ที่ผู้ขุดได้รับจะลดลงรางวัล bitcoin ที่ขุดได้จะลดลงเหลือ 3.125 BTC ต่อบล็อก ลงจาก 6.25 BTC

การ Halving ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2020 เมื่อรางวัลลดลงจาก 12.5 BTC ต่อบล็อกเป็น 6.25 BTC

การ Halving ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนอย่างไร? 

เหตุการณ์ Bitcoin Halving ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของ Bitcoin แต่มีความพิเศษด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกคือมันตามมาด้วยกองทุน ETF ของ Bitcoin ที่เพิ่งเปิดตัว

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เพิ่งอนุมัติ ETF ของ Bitcoin ในเดือนมกราคมเท่านั้น หมายความว่ามันจะมีอายุเพียงไม่กี่เดือนภายในเวลาที่การแบ่งครึ่งเกิดขึ้น

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ Bitcoin ไม่เคยสร้างจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ก่อนการ Halving มาก่อน การวิ่งขึ้นในประวัติศาสตร์ล่าสุดของ Bitcoin ทำให้นี่กลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นในตลาดคริปโต

ความคาดหวังสำหรับการ Halving ครั้งนี้

สำหรับการ Halving? ไม่มีอะไรมาก เพราะมันเป็นเหตุการณ์แต่จะไม่มีผลกระทบรุนแรงต่อผู้ถือครองส่วนใหญ่ในระยะสั้น  ทั้งนี้ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ก็จะทำให้หลังการ Halving ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของ Bitcoin ในช่วงหลายเดือนหลังการ Halving

Lucas Kiely ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Yield App คิดว่า Bitcoin อาจจะเข้าสู่ “โซนอันตราย” ก่อนการ Halving และอาจจะเห็นราคาลดลงสูงถึง 20% หลังจาก Bitcoin แตะจุดสูงสุดใหม่หลายครั้ง ราคาก็สูญเสียโมเมนตัมเชิงบวกที่ส่งให้มันสูงขึ้น

ไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจนว่า Bitcoin อาจจะปฏิกิริยาอย่างไรโดยตรงหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าปีนี้แตกต่างจากการแบ่งครึ่งที่ผ่านมาอย่างไร

แต่ในระยะยาว ตามที่ Kadan Stadelmann ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Komodo เคยกล่าวไว้ การ Halving สร้าง “ความขาดแคลนที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมูลค่า”

ผลกระทบต่อ Bitcoin

นักวิเคราะห์ของ JPMorgan คาดการณ์ในเดือนที่แล้ว ว่าราคาของ Bitcoin อาจจะลดลงเหลือ 42,000 ดอลลาร์ หลังการ Halving ตามประวัติศาสตร์ การ Halving มักเกิดขึ้นในช่วงที่ Bitcoin อยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดครั้งก่อนหน้า และการ Halving สามครั้งก่อนหน้านี้ ล้วนส่งผลให้ Bitcoin มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในช่วงหลายเดือนหลังการ Halving แม้ว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นทันทีก็ตาม

นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์อีกว่า การที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลดีต่อบริษัทขุด Bitcoin ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น Marathon, Riot, Griid, Cipher และ Core Scientific เป็นต้น แม้ว่าต้นทุนการผลิตของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าก็ตาม

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า ผู้ขุดที่มี “ต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย” และมีอุปกรณ์ที่ดีกว่าจะอยู่รอดได้ ขณะที่รายอื่นๆ อาจจะประสบปัญหา

อุตสาหกรรมการขุดอาจจะมีการรวมตัวกันมากขึ้น โดยบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Marathon ได้ดำเนินการก่อนการ Halving โดยบริษัทได้ซื้อไซต์อีกแห่งด้วยมูลค่า 87 ล้านดอลลาร์เมื่อต้นเดือนนี้

Riot และ CleanSpark ก็ได้ดำเนินการของตัวเองในช่วงต้นปีนี้เช่นกัน CleanSpark เข้าซื้อโรงงานสามแห่ง และ Riot ก็ซื้อเครื่องขุดเพิ่ม

ในขณะที่ JPMorgan ประเมินราคา Bitcoin หลังการ Halving ไว้ต่ำ บริษัทอื่นๆ คาดการณ์ว่า Bitcoin จะสร้างจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ภายในปลายปีนี้

Standard Chartered คาดการณ์ว่า Bitcoin อาจจะแตะ 150,000 ดอลลาร์ภายในปลายปีนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์ไม่ได้เจาะลึกถึงพฤติกรรมของ Bitcoin หลังการ Halving ในอดีต โดยบริษัทคาดการณ์จากข้อเท็จจริงที่ว่า หลังจากการ Halving “อุปทานใหม่ของผู้ ขุด Bitcoin จะลดลงเหลือ 450 BTC ต่อวัน [และ] การซื้อขายกองทุน ETF ในปริมาณเท่าเดิมจะเทียบเท่ากับอุปทานใหม่ 5 เท่า”

Richard Teng ซีอีโอของ Binance กล่าวในการประชุมว่า เขาคาดการณ์ว่า Bitcoin อาจจะทะลุ 80,000 ดอลลาร์ ภายในปลายปีนี้ โดยก่อนหน้านี้ Teng เคยคาดการณ์ว่า Bitcoin จะมีราคาสูงสุดที่ 80,000 ดอลลาร์

Teng ยอมรับในโพสต์บน X ถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างการคาดการณ์ของเขากับ Standard Chartered โดยเสริมว่า “ผมค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยมเสมอ”

ที่มา: blockwork