ในขณะที่ Bitcoin Halving กำลังจะใกล้มาถึงในอีกไม่เกินหนึ่งข้างหน้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับ Bitcoin จากการที่มันถูกสร้างมาเพื่อเป็นขั้วตรงข้ามกับธนาคารกลางแห่งชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงอุปทานอยู่ที่ในขณะที่อุปทานของ Bitcoin นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เพราะ Bitcoin ได้ถูกจำกัดเอาไว้เพียงแค่ 21 ล้าน BTC และในขณะที่ตอนนี้เหลือเพียงไม่ถึง 2 ล้าน BTC เท่านั้นที่จุดถูกขุดออกมา โปรโตคอลของ Bitcoin ก็เตรียมพร้อมที่จะลดจำนวนเหรียญที่ถูกผลิตออกมาใหม่ลงครึ่งหนึ่งอีกครั้ง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Bitcoin Halving
และในบทความนี้ เรามาทำความรู้จักเหตุการณ์ Bitcoin Halving กันดีกว่าว่ามีความสำคัญอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่คุณต้องรู้บ้าง
Bitcoin Halving คืออะไร?
เหตุการณ์ Bitcoin Halving คือปรากฏการณ์ที่รางวัลสำหรับการขุด Bitcoin นั้นจะลดลงครึ่งหนึ่งในทุกๆ 210,000 บล็อก หรือประมาณ 4 ปี ซึ่งนโยบายการลดลงครึ่งหนึ่งนี้ได้ถูกเขียนลงในอัลกอริธึมการขุดของ Bitcoin โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านอัตราเงินเฟ้อ เพื่อที่จะทำให้ตัวเหรียญเป็นที่ต้องการมากขึ้น ในขณะที่อุปทานของเหรียญมีเท่าเดิม
Bitcoin Halving ทำงานอย่างไร?
ในกระบวนการขุดนั้น คือหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญที่สุดสำหรับ Bitcoin เพราะนอกจากที่มันจะเป็นการผลิตเหรียญขึ้นมาใหม่แล้ว มันยังเป็นการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม Bitcoin ทั้งหมดก่อนที่จะอนุมัติธุรกรรมได้
ซึ่งผู้ที่ ขุด Bitcoin จะเป็นที่จะต้องใช้กระบวยการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมให้ได้เป็นคนแรกและได้รับผลตอบแทนในปัจจุบันที่ 6.25 BTC และด้วยผลตอบแทนจำนวนมากนี้ ทำให้นักขุดมีแรงจูงใจในการช่วยกันทำงาน เพื่อที่จะทำให้บล็อกเชนของ Bitcoin ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
ทว่าในขณะที่มีบล็อกถูกสร้างใหม่เพิ่มขึ้นประมาณทุกๆ 10 นาทีนั้น โปรโตคอลของ Bitcoin ก็ได้กำหนดเอาไว้ว่าในทุกๆ 210,000 บล็อก หรือประมาณ 4 ปี ผลตอบแทนที่ได้จากการขุด Bitcoin จะลดลงครึ่งหนึ่ง และส่งผลให้ราคา Bitcoin ผันผวนและสูงขึ้น
Bitcoin Halving ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อใด?
เหตุการณ์ Bitcoin Halving เกิดขึ้นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2012 และตามมาในเดือนกรกฎาคม 2016 และครั้งล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2020 ซึ่งหลังจากที่ Bitcoin เปิดตัวในปี 2009 ผลตอบแทนในการขุดก็ได้ลดลงจากค่าเริ่มต้นที่ 50 BTC ต่อบล็อกเหลือเพียงแค่ 6.25 BTC และจะยังคงลดลงต่อไปเรื่อยๆ
จากการคาดการณ์ Bitcoin Halving ครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในปี 2140 และเมื่อถึงจุดนั้น Bitcoin จะหมุนเวียนอยู่ในระบบครบ 21 ล้าน BTC พอดี และจะไม่มีการสร้างเหรียญเพิ่มขึ้นอีกต่อไป และนักขุดจะได้รับเงินค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเป็นผลตอบแทนแทนรางวัลในการขุดบล็อก
ซึ่ง Richard Baker ซีอีโอ นักขุดและผู้ให้บริการบล็อกเชน TAAL Distributed Information Technologies ได้คาดการณ์ว่า นักขุดอาจต้องขอค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยกับ Bitcoin ที่ผลิตออกมาได้น้อยลงหลังจากที่ Halving มาถึง
ในขณะที่ Patricia Trompeter ซีอีโอของนักขุดสกุลเงินดิจิทัล Sphere 3D Corp. ได้กล่าวว่า ถ้าหากทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์เป็นจริง ราคา Bitcoin ควรเพิ่มขึ้นอย่างมากเพื่อตอบสนองต่ออุปทานที่ลดลง ซึ่งจะช่วยให้นักขุดยังคงรักษารายได้เอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ก็ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ว่า การเคลื่อนไหวของราคาในอดีตในแต่ละ Halving จะส่งผลโดยตรงจากการ Halving หลังจากนี้หรือไม่
ประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์ Bitcoin Halving
นับตั้งแต่โปรโตคอล Bitcoin ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 ค่ารางวัลเริ่มต้นสำหรับการขุดบล็อก Bitcoin นั้นถูกตั้งค่าเอาไว้ที่ 50 BTC หรือมีมูลค่ามากกว่า 115 ล้านบาทไทยในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามหลังจากที่เหตุการณ์ Halving มาถึง จำนวน Bitcoin ที่ออกมาก็ได้ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
และนี่คือจำนวนรางวัลลดลงทุกๆ สี่ปีนับตั้งแต่ Bitcoin เริ่มต้น
Bitcoin Halving ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
อัลกอริธึมของ Bitcoin ได้กำหนดการลดครึ่งหนึ่งตามการสร้างบล็อกของบล็อกเชน อย่างไรก็ตามจากที่คำนวณในอัตราปัจจุบันแล้ว Halving ครึ่งถัดไปคาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 15 เมษายน 2024
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่การคาดการณ์เท่านั้น เนื่องจากวันที่ลดลงครึ่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับอัตราการทำธุรกรรมในปัจจุบัน เพราะอาจเกิดการเร่งความเร็วของอัตราการทำธุรกรรมบางส่วน ที่จะทำให้ถึงวัน Halving เร็วกว่าที่คาดเอาไว้ได้
Bitcoin Halving ส่งผลต่อราคา Bitcoin อย่างไร?
เมื่อเหตุการณ์ Halving เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2012 มันได้สร้างผลกระทบเล็กน้อยต่อมูลค่าของ Bitcoin เท่านั้น แต่เนื่องจากในตอนนั้นมันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นยุคก่อนที่การเก็งกำไรจะมาถึง
ทว่าในเหตุการณ์ Halving ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในปี 2019 ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นจากประมาณ 360,000 บาท ก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2021 ได้ที่ 2.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมาเกือบ 100%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงก่อนครึ่งปีก่อนหน้าจะมีการเติบโตอย่างมาก แต่สัญญาณบ่งชี้ในช่วงแรกนั้นมีการแสดงที่อาจแตกต่างออกไป และที่สำคัญคือผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่ได้บ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานในอนาคตแต่อย่างใด
ที่มา: Forbes