ราคาของเหรียญมีม Dogecoin ซึ่งเป็นเหรียญมีมที่ได้รับความนิยมมาก มีการปรับเพิ่มขึ้นหลังจาก Coinbase กระดานเทรดสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำของสหรัฐฯ ประกาศแผนที่จะเปิดตัวการเทรดแบบ Futures สำหรับเหรียญ Dogecoin
ตามเอกสารที่ยื่นโดย Coinbase เมื่อต้นเดือนนี้ แพลตฟอร์มได้ยื่นจดทะเบียนกับคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) เพื่อเสนอสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) ของ Dogecoin เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป
“บริษัท Coinbase ขอเสนอรายการสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ Dogecoin เป็นครั้งแรกเพื่อเริ่มเทรดบนแพลตฟอร์มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป”
ข่าวประกาศแผนการเปิดตัว Futures สำหรับเหรียญ Dogecoin ของ Coinbase ส่งผลให้ราคาของ Dogecoin พุ่งสูงขึ้น จากราคาต่ำสุดที่ 0.129 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ไปแตะระดับสูงสุดที่ 0.155 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% แต่ปัจจุบันราคาได้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 0.152 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 15% ในช่วง 24 ชั่วโมที่ผ่านมา
James Seyffart นักวิเคราะห์จาก Bloomberg มองว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ซึ่งกำกับดูแลหลักทรัพย์อาจคัดค้านแผนการของ Coinbase แม้ว่าจะเป็นการยากที่จะฟ้องร้องว่า Futures Dogecoin เป็นหลักทรัพย์
“เรื่องนี้น่าสนใจ…สงสัยว่า SEC จะคัดค้านการจัดประเภทเป็น ‘Futures สินค้าโภคภัณฑ์’ เทียบกับ ‘Futures หลักทรัพย์’ หรือไม่ สกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ ล้วนถูกแยก (forked) มาจาก Bitcoin ดังนั้น การอ้างว่าเป็น ‘หลักทรัพย์’ น่าจะเป็นการยาก หลังจากที่กองทุน Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ Coinbase เลือกสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้”
ในเอกสาร Coinbase ให้เหตุผลว่ากลไกเงินเฟ้อของ Dogecoin ทำให้เหมาะที่จะทำหน้าที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลสำหรับอินเตอร์เน็ต เนื่องจากส่งเสริมการใช้จ่ายมากกว่าการถือเก็บ
“ต่างจาก Bitcoin หรือ Litecoin เพราะ Dogecoin ไม่มีขีดจำกัดของจำนวนเหรียญทั้งหมด ปัจจุบันมี Dogecoin หมุนเวียนกว่า 1.40 แสนล้านเหรียญ โดยมีบล็อกใหม่เพิ่มเข้ามาในบล็อกเชนของ Dogecoin ทุกนาที พร้อมทั้งมีรางวัล 10,000 DOGE ต่อบล็อก การออกแบบนี้ส่งผลให้เกิดโมเดลเงินเฟ้อ ซึ่งแตกต่างจากโมเดลเงินฝืดของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ หลายสกุล จุดประสงค์ของเงินเฟ้อใน Dogecoin คือเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการใช้เป็นทิปบนโซเชียลมีเดียและฟอรัมออนไลน์ มากกว่าการถือเก็บเป็นการลงทุนดิจิทัล”
ที่มา: dailyhodl