เคยสงสัยหรือไม่ว่า เบื้องหลังการทำงานของ Bitcoin นั้นมีอะไรเป็นกลไกขับเคลื่อนที่ทำให้ราคาของมันตลอด 14 ปี มีการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 150 % ต่อปี โดยในบทความนี้จะพูดถึง โค้ดที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของ Bitcoin Halving ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Bitcoin มาได้ไกลถึงขนาดนี้
อีกไม่ถึง 2 วัน บิตคอยน์จะเผชิญกับการ Halving ครั้งที่ 4 กลไกที่ปรับอัตราการผลิต Bitcoin ทุกๆ 210,000 บล็อก (ประมาณ 4 ปี) ซึ่งปัจจุบันรายงาน Bitcoin อยู่ที่บล็อก 839,737 เมื่อถึง 840,000 บล็อก การ Halving ครั้งที่ 4 จะเริ่มขึ้น
ฟังก์ชันมหัศจรรย์ ‘GetBlockSubsidy()’
เบื้องหลังการทำงานทั้งหมดของ Bitcoin Halving ล้วนเกิดจาก ฟังก์ชันมหัศจรรย์อย่าง ‘GetBlockSubsidy()’ โดยโค้ดตัวนี้ จะทำหน้าที่ปรับลดปริมาณการผลิต Bitcoin ลงครึ่งนึง หรือหมายถึง รางวัลจากการขุดบิตคอยน์ จะลดลงครึ่งนึง ซึ่งใน Halving ครั้งที่ 4 นี้จะเป็นการปรับลดรางวัลจากการขุดลงจากเดิม 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC
ทุกครั้งที่ Bitcoin บล็อกใหม่ถูกขุด ฟังก์ชัน GetBlockSubsidy จะถูกเปิดใช้เพื่อคำนวณรางวัลที่เหมาะสมของบล็อกดังกล่าว นอกจากนั้น ฟังก์ชันนี้ยังทำให้เราสามารถติดตามระยะเวลาของการฮาฟวิ่งได้แบบเรียลไทม์ จากการนำ ตัวเลขของบล็อกปัจจุบันคือ 839,737 นำมาหารด้วย 210,000 ผลลัพธ์จะได้ 3.99 แต่เนื่องจากตัวแปรที่เก็บค่านี้เป็นประเภทจำนวนเต็ม ดังนั้นระบบจะไม่เก็บค่าทศนิยม และโค้ดจะตีความหมายว่า ปัจจุบันนี้ Bitcoin มีการฮาฟวิ่ง เกิดขึ้นมา 3 ครั้งแล้วนั่นเอง และนี่คือสาเหตุที่ทำให้การ Halving ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นที่บล็อก 840,000
หากมองดูจากโค้ดแล้ว เรายังสามารถสังเกตได้อีกว่า เมื่อรางวัลบล็อกผ่าน Halvings มากกว่าหรือเท่ากับ 64 ครั้งแล้ว กระบวนการ Halvings ทั้งหมดก็จะสิ้นสุดลง และไม่มีการ Halving เกิดขึ้นอีกต่อไป
นอกจากนี้ ในโค้ดยังได้กำหนดให้คูณรางวัลบล็อกดั้งเดิมเท่ากับ 50 ด้วยค่าคงที่ หรือเท่ากับ 100,000,000 Satoshis ซึ่งน่าแปลกที่ไม่มีการแทนด้วยหน่วย Bitcoin ในโค้ด
อย่างไรก็ตามโค้ดของ Bitcoin นั้นมีความซับซ้อนสูง การทำความเข้าใจโค้ด Bitcoin ต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ถ้าหากเราลองศึกษาแบบเจาะลึกแล้ว จะทำให้เราเข้าใจถึงเบื้องหลังการทำงานของ Bitcoin และเหตุผลที่ทำให้มันอยู่รอดมาได้ยาวนานถึง 14 ปี และในปีนี้การ Halving ครั้งที่ 4 ก็กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เราอาจต้องมาติดตามกันต่อไปว่า Halving ในครั้งนี้ จะพา Bitcoin พุ่งทะยาน ได้เช่นเดียวกับทั้ง 3 รอบที่ผ่านมาหรือไม่