ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง! กองทุน Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) Spot Exchange Traded Funds (ETF) ได้เริ่มเปิดซื้อขายอย่างเป็นทางการ ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงแล้ว ตรงกับวันนี้ (30 เมษายน 2567) ถือเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินด้านคริปโตเคอเรนซีชั้นนำของเอเชีย
ทั้งนี้ การเปิดตัว ETF Bitcoin และ Ethereum Spot ในฮ่องกง ไม่ได้เป็นเพียงการเปิดให้ซื้อขายคริปโตผ่านตลาดหลักทรัพย์แบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับรูปแบบการลงทุนแบบ “In-kind” ซึ่งมีความพิเศษ ดังนี้ :
- ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจริง: ต่างจาก ETF ทั่วไปที่ลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์ส ETF แบบ In-kind ลงทุนใน Bitcoin และ Ethereum จริง เก็บรักษาไว้ในคลังที่ปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากสัญญาที่อาจผิดนัด
- ประหยัดค่าธรรมเนียม: โครงสร้าง ETF แบบ In-kind ช่วยลดขั้นตอนการลงทุน ค่าธรรมเนียมจึงถูกลง นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากราคาคริปโตเต็มรูปแบบ
- เข้าถึงนักลงทุนกลุ่มกว้าง: รูปแบบการลงทุนที่เข้าใจง่าย ดึงดูดนักลงทุนรายย่อย สถาบัน และนักลงทุนทั่วไปที่ยังไม่คุ้นเคยกับคริปโต
- ส่งเสริมศูนย์กลางการเงินคริปโต: ฮ่องกงมุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบ และเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเติบโตของคริปโต ดึงดูดธุรกิจและนักลงทุนจากทั่วโลก
การอนุมัติให้เปิดตัวกองทุน ETF นี้ นับเป็นการรอคอยมาหลายเดือน ถือเป็นสัญญาณการเริ่มต้นยุคใหม่ของอุตสาหกรรม Bitcoin ในภูมิภาค
บริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ต่างเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์นี้กันมานาน หลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (SFC) อนุมัติใบคำขอจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF จำนวน 3 กองทุนเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
โดยผู้ที่ได้รับอนุมัติ ได้แก่ บริษัท China Asset Management, Harvest Global Investments, Bosera International และ HashKey ซึ่งล้วนเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำ
Eric Balchunas และ James Seyffart นักวิเคราะห์ ETF ของ Bloomberg ได้แชร์อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับ ETF ในโพสต์ X โดยกล่าวว่าพวกเขาต่ำกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ในตอนแรก โดยเน้นว่านี่เป็น “สัญญาณที่ดี”
ในขณะที่ผู้ออกกองทุน Bitcoin ETF Spot ของฮ่องกง คาดการณ์ว่า “การเปิดตัวกองทุน ETF Spot ของ Bitcoin และ Ethereum ของฮ่องกง จะเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าอยู่ที่ประมาณ 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าการออกจำหน่ายวันแรกในสหรัฐอเมริกาที่ 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ”
บริษัท China AMC ค่อนข้างมั่นใจว่า ฮ่องกงสามารถเอาชนะสหรัฐฯ ได้ ในแง่ของกระแสเงินทุนและปริมาณการซื้อขายของกองทุน Bitcoin ETF ในวันแรก เนื่องจากภูมิภาคอื่น ๆ เช่น สิงคโปร์และตะวันออกกลาง อาจมองหาโอกาสลงทุนในกองทุนเหล่านี้ แม้ว่าจะยืนยันแล้วว่านักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ไม่สามารถเข้าร่วมได้ ” แต่สำหรับฮ่องกงแล้ว ตัวเลขใกล้เคียงกับ 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวันแรกถือเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐฯ!
ที่มา:cryptotimes