<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ปิดคดีโหด! แก๊งยากูซ่า “ฆ่าหั่นศพ” ทิ้งชิ้นส่วนทั่วบางบัวทอง จูงใจปมธุรกิจคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปิดคดีโหด! แก๊งยากูซ่า “ฆ่าหั่นศพ” ทิ้งชิ้นส่วนทั่วบางบัวทอง จูงใจปมธุรกิจคริปโต พฤติกรรม ‘ฆ่าหั่นศพ’ เป็นหนึ่งในวิธีการอำพรางศพที่ชวนสยอง แก๊งมาเฟียชาวต่างชาติชื่นชอบใช้วิธีนี้ นัยว่าเป็นการส่งสัญญาณข่มขู่คนในแก๊งให้กลัวและไม่กล้าหักหลัง โดยเฉพาะแก๊งชาวจีน

แต่คดีลักษณะนี้คนร้ายมักซุกซ่อนศพเอาไว้ในจุดที่อย่างไรก็ต้องมีคนมาพบและกลายเป็นข่าว เช่น บ้านเช่าหรือคอนโดฯ แค่ต้องถ่วงเวลาให้สามารถหนีออกนอกประเทศได้ก่อนเท่านั้น

ต่างจากกรณีพบชิ้นส่วนมนุษย์ ถูกฆาตกรรมหั่นศพยัดใส่ถุงดำ ที่ถูกมาทิ้งในพื้นที่ ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ที่คนร้ายนำชิ้นส่วนไปตระเวนทิ้งตามที่รกร้าง น่าจะเพราะไม่ต้องการให้มีคนมาพบศพ

แต่สุดท้ายความมาแตกเพราะหมาเพียงตัวเดียว

จุดเริ่มต้นคดีสยอง

ย้อนไปเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 19 เมษายน พ.ต.อ.สมพล วงษ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ รอง ผกก สส.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมด้วยนายนคร ขาวเหลือง กำนันตำบลพิมลราช รับแจ้งพบชิ้นส่วนมือของมนุษย์ ถูกทิ้งอยู่บนลานดิน ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย หมู่ 4 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงประสานแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย รุดไปตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุเป็นลานดินที่เพิ่งถมใหม่ พบกระดูกข้อมือข้างขวาของมนุษย์ อยู่ในสภาพเน่าเปื่อยจนแทบเหลือแต่กระดูก และยังพบว่ามีรอยสักคล้ายรูปเกล็ดของสัตว์ชนิดหนึ่งอยู่ที่บริเวณรอบข้อมือ ในเบื้องต้นทางแพทย์ชันสูตรยืนยันว่า ชิ้นส่วนที่พบเป็นกระดูกข้อมือขวาของมนุษย์จริง โดยเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว

น.ส.เดือน บุญทอง อายุ 32 ปี แม่บ้านของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ใกล้กับบริเวณที่พบมือ กล่าวว่า ลูกชายวัย 10 ขวบวิ่งมาบอกเมื่อตอน 17.00 น. ว่าเจอมือคน จึงเดินมาดูพบเป็นมือคนจริงคงถูกหมาคาบมา

เจ้าตัวให้การต่อว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน พบรอยเลือดบริเวณข้างกระถางใส่น้ำหน้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ที่ตนพักอาศัยอยู่ ตอนแรกตนคิดว่าเป็นเลือดหมาที่ไล่กัดกันแล้วมากินน้ำ จึงลากสายยางมาล้างออกไป

จนวันที่ 12-13 เมษายน ก็กลับบ้านต่างจังหวัดกัน เพิ่งจะกลับมาเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา จนลูกชายไปวิ่งเล่นแล้วพบชิ้นส่วนศพดังกล่าว

ต่อมามีพยานแจ้งว่าพบมีด ขวาน เลื่อย ค้อน รองเท้า นาฬิกาข้อมือและเสื้อกันฝน ถูกนำมาโยนทิ้งคลองตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เมษายน ก่อนมีข่าวพบศพ ห่างจากจุดพบศพ 1.7 กิโลเมตร

ชุดคลี่คลายคดีไล่เช็กกล้องวงจรปิดตามเส้นทางก่อนจะพบภาพรถเก๋งนิสสัน อัลเมร่า สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับออกมาจากซอยจัดสรรสวิง 1 ก่อนจะเลี้ยวตัดกลางซอยเข้าไปทางซอยจัดสรรสวิง 2 แล้วไปจอดหยุดรถอยู่ที่บริเวณพงหญ้าริมบ่อ ซึ่งเป็นจุดที่พบชิ้นส่วนมนุษย์ถูกฆ่าชำแหละยัดถุงเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา

จับหนุ่มคนไทยมือไม้ยากูซ่า

ตํารวจเช็กข้อมูลรถพบว่าเจ้าของเดิมขายต่อให้เต็นท์รถมือสองไป โดยเซ็นโอนลอยไว้ ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะถูกซื้อต่อไปโดยนายกฤษกร หรือเกมส์ ใจพิทักษ์ อายุ 31 ปี ตำรวจจึงไปนำตัวมาสอบสวน

เมื่อพยานหลักฐานร่องรอยในรถมัดแน่น นายกฤษกรจึงเปิดปากสารภาพว่า คดีนี้เป็นฝีมือของแก๊งยากูซ่าที่ฆ่ากันเอง

โดยผู้ตายชื่อนายคาบาชิมะ เรียวสุเกะ อายุ 47 ปี ส่วนคนร้ายชื่อนายคาโต้ ทาคุยะ หรือบอส อายุ 50 ปี และนายซูซูกิ ฮิโรโตะ อายุ 33 ปี

จากการประสานข้อมูลกับทางตำรวจญี่ปุ่น พบว่าทั้งผู้ตายและผู้ก่อเหตุอยู่ในแก๊ง “ยามากูจิ กูมิ” แก๊งยากูซ่าอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น โดย 1 ในผู้ก่อเหตุเป็นถึงรองหัวหน้าแก๊ง ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยหลายปีแล้ว และมีหมายแดงเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจญี่ปุ่น ถูกเพิกถอนวีซ่าไปตั้งแต่ปี 2565 ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่งจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย

สำหรับมูลเหตุคาดว่าผู้เสียชีวิตไปขัดผลประโยชน์กับแก๊งยากูซ่าเกี่ยวกับธุรกิจเงินคริปโต โดยแอบนำเงินไปใช้ส่วนตัวแล้วไม่มีใช้คืน ทำให้ทางแก๊งยากูซ่าที่ญี่ปุ่นติดต่อให้นายคาโต้ แกนนำคนสำคัญของแก๊งที่กบดานในประเทศไทย ร่วมกับนายฮิโรโตะ ที่เพิ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ติดตามหาตัวเพื่อลงโทษตามกฎของแก๊ง

นายคาโต้วางแผนด้วยการให้นายเกมส์ไปเช่าโกดังเปล่า พร้อมกับซื้ออุปกรณ์ที่เตรียมใช้ในการชำแหละมาเตรียมการไว้ รวมทั้งรถเก๋งอีก 3 คันเพื่อใช้หมุนเวียนไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา ขณะเดียวกันชุดสืบสวนได้เบาะแสว่าหลังมีข่าวว่าพบศพ วันที่ 22 เมษายน ผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่นทั้ง 2 คนก็ว่าจ้างรถให้ไปส่งที่จังหวัดนครพนม ก่อนลอบหลบหนีไปยังท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาวแล้ว

จากพฤติกรรมที่คนร้ายไม่หลบหนีทันทีหลังก่อเหตุ ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ชัดเจนว่าคนร้ายต้องการทำให้ผู้ตายหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เกิดผิดแผนเพราะหมาเพียงตัวเดียวแท้ๆ

ที่มา : matichonweekly