ข่าวดีวงการคริปโตของอินเดีย! สองผู้เล่นสำคัญอย่าง Binance และ KuCoin ประสบความสำเร็จในการจดทะเบียนกับหน่วยข่าวกรองทางการเงินของอินเดีย (FIU-IND) ถือเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่หลังจากช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนทางกฎหมายและคำสั่งห้ามดำเนินงานที่ส่งผลกระทบต่อตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหลายแห่ง
กระดานเทรดยักษ์ใหญ่กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง
KuCoin เปิดทางเป็นเจ้าแรกด้วยการชำระค่าปรับ 41,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้สามารถกลับมาดำเนินงานในอินเดียอีกครั้ง การกระทำครั้งนี้ทำให้ KuCoin กลายเป็นบริษัทคริปโตแห่งแรกที่สามารถชำระค่าปรับและกลับมาดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบกฎระเบียบใหม่ ส่วน Binance อยู่ระหว่างการสรุปค่าปรับทางการเงิน ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย คาดว่าจะมีการปรับประมาณ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การหารือยังคงดำเนินต่อไป
Vivek Aggarwal หัวหน้า FIU-IND เน้นย้ำถึงความสำคัญของการจดทะเบียนครั้งนี้ โดยระบุว่าจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตลาดคริปโตภายในประเทศได้ ทั้งเขายังกล่าวอีกว่า “การจดทะเบียนทำหน้าที่ในการปกป้องเศรษฐกิจของอินเดีย หากธุรกิจใด ๆ ได้รับการป้องกันไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อการก่ออาชญากรรมทางการเงิน ก็จะส่งผลให้ระบบมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น แม้จะไม่ได้รับการรับรองอย่างเต็มรูปแบบ”
ก้าวสำคัญทางกฎระเบียบและการปฏิบัติตาม
เส้นทางสู่การจดทะเบียนครั้งนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งสองกระดานเทรด Binance และ KuCoin ก็อยู่ในกลุ่มบริษัทต่างประเทศกว่า 9 แห่งที่ถูกสั่งห้ามดำเนินงานในเบื้องต้น เนื่องจากข้อกล่าวหาว่าดำเนินงานผิดกฎหมาย บริษัทเหล่านี้รวมถึงแพลตฟอร์มที่รู้จักกันดี เช่น Huobi, Kraken และ Gate.io การยกเลิกคำสั่งห้ามและการอนุมัติในภายหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงไปสู่การดำเนินงานที่ได้รับการควบคุมและรับรองมากขึ้นสำหรับบริษัทคริปโตในอินเดีย
FIU-IND มีความกระตือรือร้นในการสร้างกรอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบ นาย Aggarwal ประกาศจัดตั้งกลุ่มทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมคริปโต เพื่อทบทวนและปรับปรุงแนวทางเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงินสำหรับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลเสมือน การเคลื่อนไหวนี้มุ่งหวังที่จะบูรณาการธุรกิจคริปโตเข้ากับระบบการเงินของประเทศอย่างราบรื่น
ผลกระทบที่กว้างขวางต่อตลาดคริปโต
การกลับเข้าสู่ตลาดอินเดียอีกครั้งของ Binance และ KuCoin คาดว่าจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมการซื้อขาย ซึ่งก่อนหน้านี้ การกำหนดภาษีคริปโตที่เข้มงวดและภาวะตลาดที่ตกต่ำโดยทั่วไป ส่งผลักดันให้ผู้เทรดชาวอินเดียหันไปใช้บริการของตลาดแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ แต่ด้วยความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่มีอยู่ก็มีแนวโน้มที่ปริมาณการซื้อขายจะกลับไปสู่แพลตฟอร์มภายในประเทศอีกครั้ง
นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของรัฐบาลอินเดียในการกำหนดมาตรฐานระดับโลกสำหรับนโยบายคริปโตในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธาน G20 ในปี 2023 ยิ่งตอกย้ำเจตนจำนงของอินเดียที่จะมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างประเทศ และแม้ว่ากฎหมายคริปโตระดับชาติยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่ความพยายามในการบรรลุฉันทามติระดับโลกนั้นชัดเจน
เส้นทางสู่ความชัดเจนด้านกฎระเบียบเต็มไปด้วยอุปสรรค อินเดียยังคงยึดมั่นในจุดยืนที่รอบคอบแต่เปลี่ยนแปลงไปเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ร่างกฎหมายคริปโทของประเทศถูกระงับมาตั้งแต่ปี 2021 โดยไม่มีการเคลื่อนไหวที่แท้จริงจนกว่าจะถึงกลางปี 2025 อย่างเร็วที่สุด ตามที่สมาชิกสภานิติบัญญัติระดับสูงกล่าว
นอกเหนือจากปัญหาเกี่ยวกับกฎระเบียบแล้ว ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการดำเนินงาน ธนาคารกลางของอินเดีย (RBI) เคยไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลมาโดยตลอด ซึ่งนั่นนำไปสู่การห้ามทำธุรกรรมกับธนาคารในปี 2018 แต่ต่อมาได้ถูกศาลฎีกายกเลิกในปี 2020 ทำให้ตลาดแลกเปลี่ยนสามารถกลับมาติดต่อกับธนาคารและดำเนินงานต่อได้
กระบวนการลงทะเบียนสำหรับตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตขณะนี้ ต้องการการปฏิบัติตามมาตรฐานป้องกันการฟอกเงินของประเทศอย่างเคร่งครัด ตลาดแลกเปลี่ยนจำเป็นต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายหลักและเก็บรักษาบันทึกธุรกรรมอย่างละเอียด
ตลาดสกุลเงินดิจิทัลในอินเดียเติบโตอย่างมาก โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดคาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตามรายงานของสมาคมบริษัทซอฟต์แวร์และบริการแห่งชาติ ตลาดมีมูลค่า 73.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 123.2 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2025 และจะอยู่ที่ 241.1 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
น่าสังเกตว่า กระดานเทรดคริปโตอย่าง Binance และ Kraken เป็นผู้เล่นสำคัญสำหรับผู้ใช้คริปโตชาวอินเดีย แม้ว่าจะไม่มีตลาดอื่น ๆ เช่น Coinbase ซึ่งทำให้การคาดการณ์สำหรับการเติบโตในอนาคตนั้นคาดหวังสูงมากยิ่งขึ้น โดยประมาณการณ์ว่าตลาดจะขยายตัวเป็น 343.5 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2024 และพุ่งสูงขึ้นเป็น 467.2 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2028 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่น่าประทับใจที่ 54.11% ตั้งแต่ปี 2024 ถึงปี 2032
ที่มา: cryptopolitan