เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายในกระดานเทรดคริปโตชั้นนำต่าง ๆ ได้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน สอดคล้องกับราคาบิตคอยน์ที่ร่วงลงมาจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตามข้อมูลจาก CCData พบว่าปริมาณการเทรดคริปโตแบบสปอต บนกระดานเทรดแบบ Centralized อาทิเช่น Coinbase Global, Binance และ Kraken ได้มีการลดลงถึง 32.6% เหลือ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนเมษายน
นอกจากนี้ มูลค่าการเทรดอนุพันธ์ คริปโต (Derivative) ยังได้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดเดือน โดยลดลง 26.1% เหลือ 4.57 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
![](https://siamblockchain.com/wp-content/uploads/2024/07/image-1012.png)
แม้ว่า ปริมาณการเทรด Bitcoin จะพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงต้นปี หลังจากเปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ แต่ ปัจจุบันตลาดกลับซบเซาลง เนื่องจากสภาวะทางการเงินของสหรัฐฯ ที่ตึงตัวมากขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ “FED” กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่ยังคงสูงอยู่
Jacob Joseph นักวิเคราะห์วิจัยจากบริษัท CCDATA ตั้งข้อสังเกตว่า “ในช่วง Halving 2 cycle ที่ผ่านมา หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ Bitcoin Halving ปริมาณการเทรดบนกระดานเทรดแบบ Centralized ก็มักจะชะลอตัวลงในสองเดือนถัดมาเสมอ”
“นอกจากนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และความตึงเครียดทางสงครามที่ทวีความรุนแรงในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ความไม่แน่นอนและความหวาดกลัวเข้าสู่ตลาด ซึ่งสอดคล้องกับกระแสเงินสุทธิที่ไหลออกจากกองทุน Spot Bitcoin ETF ส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลหลัก ๆ ลดลงแตะระดับต่ำสุดในช่วงเวลาดังกล่าว” Jacob Joseph กล่าวเสริม
กระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Binance มีปริมาณการซื้อขายลดลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 โดยลดลงเกือบ 4% เหลือ 33.8% ซึ่งถือเป็นส่วนแบ่งที่ต่ำที่สุดของกระดานเทรดยักษ์ใหญ่เจ้านี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคมอ้างอิงข้อมูลจาก CCData
CME Group ก็ประสบกับภาวะปริมาณการเทรดคริปโต ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนเช่นกัน ตามข้อมูลจาก CCData ปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์ของ CME ในเดือนเมษายน ลดลงเกือบ 20% เหลือ 124,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Jacob กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ถึงแม้ปริมาณการเทรดคริปโตบนกระดานเทรดแบบรวมศูนย์จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วง ‘พีค’ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงอยู่ระดับที่สูงเมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขายในเดือนอื่น ๆ ก่อนหน้านั้น”
ที่มา:bloomberg