JPMorgan, Citi, US Bank และ Wells Fargo เป็นหนึ่งในธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่กำลังนำร่องทดสอบระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ สำหรับสินทรัพย์ที่ถูกแปลงเป็นโทเค็นดิจิทัล (tokenized assets) ผ่านเทคโนโลยี shared- ledger ที่เรียกว่า regulated settlement network ร่วมกับบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินอย่าง Visa และ Mastercard รวมถึง Swift
Colin Butler หัวหน้าฝ่ายสถาบันการเงินระดับโลกของ Polygon กล่าวว่า “สำหรับผมแล้ว นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะนำไปสู่การยอมรับการใช้งานของสถาบันการเงินจำนวนมาก” โดยเน้นย้ำว่า การทดสอบล่าสุดนี้มีความสำคัญมากกว่าการทดสอบก่อนหน้าเช่น private blockchain “onyx” ของ JPMorgan และ Unified Ledger แนวคิดที่ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) นำเสนอเมื่อปีที่แล้ว
Regulated Settlement Network (RSN) ที่เรียกว่า “proof of concept” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทคโนโลยีบล็อกเชนของ Bitcoin ซึ่งระบบนี้จะทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้แบบร่วมกัน โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางที่น่าเชื่อถือ
Raj Dhamodharan รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซีของ Mastercard กล่าวในแถลงข่าวว่า “ในขณะที่เทคโนโลยีบล็อกเชนยังคงพัฒนาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง องค์กรภาครัฐและเอกชนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาแนวทางในการนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาจริงในโลกธุรกิจ”
Larry Fink ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BlackRock ซึ่งเป็นบริษัทบริหารการลงทุนยักษ์ใหญ่ระดับโลก ได้ขนานนามการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเค็นดิจิทัล (tokenization of assets) ว่าเป็น “ตลาดรุ่นใหม่”
Larry Fink ได้หันมาสนใจ bitcoin และคริปโตเคอเรนซีมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา สังเกตได้จากการเปิดตัวกองทุน Spot bitcoin ETF ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
และเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา BlackRock ได้ประกาศอย่างเงียบ ๆ ว่า บริษัทได้เริ่มดำเนินการในเฟสที่สองของแผนปฏิวัติตลาดการเงินด้วยคริปโต โดยการเปิดตัวกองทุนโทเค็นดิจิทัลสำหรับการลงทุนใน private equity fund
ที่มา : forbes