<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ยุคใหม่คริปโต ? ไฟเขียว Ethereum ETF จาก SEC อาจดึง Altcoin จำนวนมากหลุดกรอบ ‘หลักทรัพย์’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคริปโตมองว่า การอนุมัติกองทุน Spot Ethereum ETF ถือเป็นการ “ยอมรับโดยปริยาย” จากคณะกรรมการในหน่วยงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ (SEC) ว่า Ethereum ไม่ใช่ ‘หลักทรัพย์’ นอกจากนี้บางคนยังชี้ว่า การรับรองดังกล่าวอาจขยายไปถึงเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

James Seyffart  นักวิเคราะห์กองทุน ETF จาก Bloomberg กล่าวในการพูดคุยกับ Ryan Sean Adam ในพอดแคสต์ Bankless ว่า “สินทรัพย์เหล่านี้ถือเป็น Commodities-based trust shares โดยการอนุมัติกองทุนเหล่านี้ เท่ากับเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่า SEC จะไม่ดำเนินคดีกับ Ethereum ในฐานะหลักทรัพย์’”

Justin Browder  ทนายความด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เชื่อว่า หากกองทุน Ethereum ETF ได้รับอนุมัติแบบฟอร์ม S-1 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนเริ่มการซื้อขายได้จริง การโต้เถียงก็จะจบลง โดยจะถือว่า ETH ไม่ใช่ ‘หลักทรัพย์’ ทันที

Adam Cochran จากบริษัทกองทุน VC ที่ชื่อว่า Cinneamhain Ventures ได้มองไปไกลกว่านั้น โดยชี้ให้เห็นว่าแนวคิดนี้อาจขยายไปถึงโทเค็นของโปรเจกต์อื่นๆ ได้

อย่างไรก็ตาม James Seyffart และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ เชื่อว่า ถึงแม้ Ethereum (ETH) จะไม่ถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ แต่ SEC (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ) ก็ยังคงสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการ staking Ether ได้

อีกทั้ง Joe Carlasare ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ก็แสดงความเห็นด้วยกับมุมมองของ James Seyffart

“SEC ยังสามารถจัดการกับบุคคลที่ใช้งาน หรือผู้ที่ให้บริการ Staking ได้ แม้ว่า Ethereum ETF จะเปิดตัวแล้วก็ตาม”Joe Carlasare กล่าว

เหตุการณ์ที่สนับสนุนมุมมองของ James Seyffart คือ ในเดือนเมษายน  บริษัท Consensys ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Metamask ได้รับจดหมายแจ้งเตือนจาก SEC จดหมายฉบับนี้มุ่งเน้นเพ่งเล็งไปที่บริการการซื้อขาย และรวมถึงบริการ staking ของ Metamask เป็นหลัก

นอกจากนี้  Scott Johnsson ทนายความด้านการเงิน ยังตั้งข้อสังเกตถึง ท่าทีของ SEC ตอนประกาศอนุมัติกองทุน Ethereum ETF ว่า “พวกเขาไม่ได้ยืนยันสถานะของ ETH และหลีกเลี่ยงการให้คำตอบในประเด็นนี้อย่างชัดเจน”

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า คณะกรรมาธิการของหน่วยงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ (SEC) จะออกมาชี้แจงประเด็นนี้เพิ่มเติมอย่างเป็นทางการ ในโอกาสต่อไป