<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin ETFs ของไทยมาแล้ว !  บลจ.วรรณ นำร่องเปิดขายกองทุนแรกของประเทศ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บลจ.วรรณ ขานรับมาตรฐานระดับโลก ส่งกองทุน Bitcoin ETF กองแรกของไทย หลัง Spot Bitcoin ETF ผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับสากลของสหรัฐฯและฮ่องกง มั่นใจคัดเลือกหน่วยลงทุน ETF อย่างรอบคอบระมัดระวัง ผ่าน 11 กองทุนชั้นนำระดับโลกที่มีขนาดใหญ่ เพื่อการันตีสภาพคล่องและความเชื่อมั่นในความปลอดภัยจากการจัดเก็บเหรียญที่มีมาตรฐานระดับสากล พร้อมเปิดเสนอขายกองทุน ONE-BTCETFOF-UI วันนี้ ถึง 6 มิ.ย. 67

วันที่ 4 มิถุนายน 2567 นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า บริษัทนำร่องผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือกใหม่ แนะนำการลงทุนบน Bitcoin ETF กองแรกของไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่า สินทรัพย์ทางเลือกดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์การเงินอื่นๆต่ำ 

ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับการช่วยกระจายการลงทุนได้อีกทั้ง ตลาด Bitcoin ETF ได้รับการยอมรับในระดับสากลมากขึ้น โดยเฉพาะจากหน่วยงานกำกับดูแลในตลาดต่างประเทศ โดยเมื่อมกราคม 67 ที่ผ่านมา สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ อนุญาตให้มีการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนโดยตรงใน Spot Bitcoin ผ่าน ETF ขณะที่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงอนุญาตให้จัดตั้งกองทุน ETF ที่ลงทุนใน Bitcoin และ Ethereum

 อย่างไรก็ดี ข้อมูลจาก BlackRock iShares (ธ.ค.66) และ Franklin Templeton (มี.ค.67) พบว่า ตลาด Cryptocurrency ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับตลาดสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ โดยปัจจุบัน Bitcoin มีขนาด 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทางเลือกอย่างอื่น เช่น ทองคำ ที่มีขนาดมูลค่าตลาดถึง 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้แม้ว่า supply ของ Bitcoin จะมีอยู่จำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ แต่ Bitcoin ยังมีความต้องการอยู่อีกจำนวนมาก และได้รับการยอมรับมากขึ้น ทำให้บลจ.วรรณ เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของ Bitcoin ยังมีอยู่มากเช่นกัน

อีกทั้ง ที่ผ่านมาบริษัทได้ศึกษาข้อมูลร่วมกับทีมผู้จัดการกองทุน Bitcoin ETF ในต่างประเทศ พบว่า ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนเฉลี่ยของ Bitcoin สูงถึง 124% ต่อปี แต่มีความผันผวนเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 83% สะท้อนได้ว่า การลงทุนใน Bitcoin สร้างผลตอบแทนที่ดี แต่มีความผันผวนอยู่มากเช่นกัน ทั้งนี้ หากนำ Bitcoin มาจัดสรรพอร์ตการลงทุน โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตอยู่ที่ 5% ผลตอบแทนคาดหวังอยู่ที่ 8.90% ต่อปี ผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงของพอร์ต (Sharpe Ratio) อยู่ที่ 0.71 ผลขาดทุนสูงสุดของพอร์ต (Max Drawdown) อยู่ที่ -22.40% เทียบกับพอร์ตที่ไม่ได้กระจายการลงทุนใน Bitcoin ผลตอบแทนคาดหวังอยู่ 5.80% ต่อปี ผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงของพอร์ต (Sharpe Ratio) อยู่ที่ 0.48 ขณะที่ ผลขาดทุนสูงสุดของพอร์ต (Max Drawdown) อยู่ -20.40% 

สะท้อนได้ว่า การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Bitcoin ช่วยทำให้ผลตอบแทนคาดหวังดีขึ้นและน่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน (Sharpe Ratio) แม้ว่าความผันผวนโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม

นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุน Bitcoin ผ่านกองทุน ETF จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ความปลอดภัยของการจัดเก็บเหรียญ หากลงทุน Bitcoin โดยตรง ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ปัญหาหรือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา คือ ข้อมูลสูญหาย หรือ ถูกโจรกรรมข้อมูลทางออนไลน์ 

แต่หากลงทุนผ่านกองทุน ETF ข้อมูล หรือ เหรียญของผู้ถือหน่วยจะกระจายการจัดเก็บเหรียญผ่าน Custodian ระดับโลก ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในผู้ลงทุนสถาบันและมีการแบ่งการจัดเก็บเหรียญในรูปแบบ Cold Wallets หรือการจัดเก็บเหรียญผ่านระบบ offline ในแต่ละกองทุน ETF ซึ่งมีความปลอดภัยสูง

ทั้งนี้ กองทุนเปิด วรรณ บิทคอยน์ อีทีเอฟ ฟันด์ ออฟ ฟันด์ อันเฮดจ์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-BTCETFOF-UI) ที่อยู่ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ จะเปิดเสนอขายสำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) และผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีความสนใจในการลงทุน สินทรัพย์ทางเลือกเพื่อให้พอร์ตมีความหลากหลาย ผู้ลงทุนต้องสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับ 8+ ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ บลจ.วรรณ 02-659 -8888 และ บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด 02-095-8999 และ ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งทั่วประเทศ

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ