<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

มือใหม่ควรรู้ ! เทรด Bitcoin ในไทยเว็บไหนดี ฉบับปี 2024

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปี 2024 เรียกได้ว่าเป็นปีที่ตลาดคริปโตได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายทั้งภายในวงการและภายนอกวงการ จากทั้งการมาของ Spot Bitcoin ETFs โดยนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ หรือจะเป็น กระแส Bitcoin Halving ที่คาดการณ์กันว่าจะส่งผลให้เกิดการ “Bullrun” เกิดขึ้นในไม่ช้า ส่งผลให้นักลงทุนหน้าใหม่มากมายเริ่มหันมาสนใจตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ทว่าด้วยความที่เป็นมือใหม่จึงอาจจะยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกเทรดเว็บไหนดี

ในบทความนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงจะมาแนะนำ 5 กระดานเทรดที่ดีที่สุดในปี 2024 ที่ได้รับใบอนุญาตการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากทาง ก.ล.ต. พร้อมข้อดีข้อเสียและการให้คะแนนดังนี้ 

เกณฑ์การให้คะแนนจะมีคะแนนเต็มทั้งหมดที่ 10 ซึ่งจะเป็นผลคะแนนรวมที่คิดคำนวณจาก ความยากง่ายในการสมัครใช้งาน , การออกแบบ UI , ฟีเจอร์และฟังก์ชันการใช้งาน , ความปลอดภัย , และค่าใช้จ่ายภายในแพลตฟอร์ม ซึ่งเกณฑ์การให้คะแนนจะเป็นไปอย่างยุติธรรมไม่เข้าข้างแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง 

ทั้งนี้คะแนนดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของทีมงานเพียงเท่านั้น ผู้อ่านควรพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมและค้นหาเว็บเทรดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง

1.Bitkub

เริ่มต้นกันที่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีวอลุ่มการเทรดและส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในประเทศไทยอย่าง Bitkub ซึ่งตัวบริษัทนั้นถือเป็นเจ้าเดียวในลิสต์นี้ที่เป็นบริษัท Startup โดยทาง Bitkub เริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 2018 และยังคงมีการพัฒนาแพลตฟอร์มอยู่อย่างต่อเนื่อง

ข้อดีของ Bitkub

  • เป็นเว็บเทรดที่มีวอลุ่มการเทรดสูงที่สุดในประเทศ หมดปัญหาเรื่องสภาพคล่องต่ำ
  • มีเหรียญจำนวนมากให้เลือกเทรด และแต่ละเหรียญสามารถเทรดเป็นเงินบาทได้เลย
  • ใช้งานง่าย มีคู่มือศึกษาให้เพียบพร้อม มีตัวอย่างผู้ใช้จริงมากมาย

ข้อเสียของ Bitkub

  • ไม่สามารถเทรดเหรียญมีมได้ (ยกเว้น Dogecoin)
  • อินเตอร์เฟสและรูปแบบเว็บไซต์ไม่ทันสมัยเท่าเว็บอื่น ๆ 
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดสูงถึง 0.25%
  • มีการปิดปรับปรุงระบบบ่อยครั้งทำให้นักลงทุนต้องตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา

สรุปคะแนน Bitkub ที่ 8 คะแนน

2.Binance TH

ถัดมาจะเป็นเว็บเทรด Binance TH ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Binance Global เว็บเทรดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Gulf Innova บริษัทลูกของ Gulf energy ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของไทน ทั้งนี้แม้จะพึ่งเปิดตัวมาได้ไม่นานแต่ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของทั้งสองบริษัทนั้นเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

ข้อดีของ Binance TH

  • สามารถใช้งานร่วมกับ Binance Global ได้ในด้านต่าง ๆ
  • สามารถเทรดเหรียญอื่น ๆ ได้มากกว่า เนื่องจากมีในอนุญาตการเป็น Broker
  • แพลตฟอร์มสามารถดึงสภาพคล่องมาจาก Global ได้ จึงมีสภาพคล่องที่สูง

ข้อเสียของ Binance TH

  • มีคู่เทรดสกุลเงินบาทที่น้อยที่สุด (6 สกุล) และเหรียญส่วนใหญ่ต้องทำการตั้งคำสั่งซื้อผ่าน Broker
  • ฟีเจอร์ต่าง ๆ ใน Binance Global ไม่สามารถใช้งานได้เช่นการ Stake 
  • ยังไม่รองรับการบริการลูกค้า 24 ชั่วโมงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น Call center

สรุปคะแนน Binance TH ที่ 7.5 คะแนน

3.Upbit 

มาทางฝั่งเว็บเทรดต่างประเทศกันบ้างสำหรับ Upbit ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลสัญชาติเกาหลีใต้ที่ได้รับการอนุญาตให้ดำเนินการทำธุรกิจในไทยถูกต้องตามกฎหมาย โดยตัวบริษัทเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 และปัจจุบันมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นลำดับที่ 5 ของโลก

ข้อดีของ Upbit

  • เป็นแบรนด์ชื่อดังที่มาจากต่างประเทศโดยตรง
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดถูกกว่าเจ้าอื่นที่ 0.15%

ข้อเสียของ Upbit

  • มีคู่เทรดเหรียญสกุลเงินบาทน้อย (23 สกุล)
  • สภาพคล่องต่ำ
  • ฟีเจอร์ใน Upbit Global จะไม่สามารถใช้งาน Upbit Thailand ได้

สรุปคะแนน Upbit ที่ 7 คะแนน

4.Orbix (เดิม Satang Pro)

อีกหนึ่งเว็บเทรดที่น่าสนใจไม่น้อยคือ เว็บเทรดน้องใหม่อย่าง Orbix ที่ได้ต่อยอดมาจาก Satang Pro หลังจากที่ทาง KBank ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 97% ของ Satang Pro กระดานเทรดคริปโตเคอเรนซี่สัญชาติไทยผ่านบริษัทลูก และได้นำแพลตฟอร์มมาพัฒนาต่อในชื่อของตน

ข้อดีของ Orbix

  • ดูแลโดยเครือธนาคารกสิกร ที่มีความปลอดภัยสูง
  • ยืนยันตัวตน KYC ได้ทันทีผ่าน NDID หากมีบัญชี K+
  • มีระบบช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญแบบอัตโนมัติ ทำให้รู้กำไรขาดทุนทุกเหรียญ โดยไม่ต้องเสียเวลาคำนวณ 

ข้อเสียของ Orbix

  • มีจำนวนฐานผู้ใช้งาน และสภาพคล่องที่ยังค่อนข้างต่ำ
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดอยู่ในเรตที่ค่อนข้างสูงที่ 0.25%

สรุปคะแนน Binance TH ที่ 7.3 คะแนน

5.Innovest X

สุดท้ายนี้เว็บเทรดที่เราจะมาแนะนำคือ Innovest X แพลตฟอร์มการลงทุนแบบ All in one จากเครือ SCB 

ข้อดีของ Innovest X

  • สามารถไปลงทุนอย่างอื่นได้โดยไม่ต้องสลับเปลี่ยนบัญชีหรือแอป
  • ปลอดภัยด้วยการดูแลจากทาง SCB โดยตรง
  • มีฟีเจอร์บริหารและปรับพอร์ตอัตโนมัติโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดที่ 0.2 และค่าธรรมเนียมถอนเงินบาทฟรี

ข้อเสียของ Innovest X

  • ไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นในเรื่องของคริปโตโดยตรง
  • มีเหรียญคริปโตให้เทรดในปัจจุบันเพียง 27 สกุลเท่านั้น

สรุปคะแนน Innovest X ที่ 7.2 คะแนน

สรุป : ควรเลือกเจ้าไหนดี

จะเห็นได้ว่าเว็บเทรดแต่ละเว็บนั้นก็ล้วนแล้วแต่มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้นต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุนด้วยว่าสบายใจที่จะเลือกใช้งานแพลตฟอร์มไหนมากกว่ากัน เช่นหากนักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ไม่ใช่คริปโตร่วมด้วย Innovest X อาจเป็นคำตอบสำหรับคุณ หรือว่าถ้าอยากเป็นสายซิ่งชอบเทรดเหรียญมีมมากกว่า Altcoins ที่มีการใช้งานจริง Binance TH อาจเป็นตัวเลือกที่ใช่ หรือถ้าหากนักเทรดต้องความอุ่นใจกับทีมงานที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และจำนวนสภาพคล่องที่สูง Bitkub อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด 

ทั้งนี้การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้