หลังจากมีการคาดการณ์ว่า กองทุน Spot Ethereum ETF จะเริ่มเปิดให้ซื้อขายในวัน ที่ 23 กรกฎาคม ทำให้ความคาดหวังเกี่ยวกับราคา ETH เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญในตลาดคริปโตออกมาคาดการณ์กันว่า นี่จะเป็นการเติบโตครั้งใหญ่สำหรับราคา ETH ที่ส่งผลให้ราคาพุ่งแตะ ATH ใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มีนักวิเคราะห์รายหนึ่งได้เตือนนักลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังอย่างรอบคอบในช่วงเวลานี้ เนื่องจากการเปิดตัวกองทุน Spot Ethereum ETF อาจไม่ได้ส่งผลต่อราคาตามที่คาดการณ์ไว้ในทันที
เหตุผลที่กองทุน Spot Ethereum ETF อาจส่งผลให้ราคา ETH ลดลง
ในขณะที่การเปิดตัวกองทุน Spot Ethereum ETF ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากชุมชนคริปโตเคอเรนซี Benjamin Cohen ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตกลับชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่น่าวิตกกังวล ซึ่งอาจส่งผลให้ราคา ETH ร่วง นั่นคือ อุปทานของ ETH ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X Benjamin Cohen ชี้แจงว่า อุปทานของ ETH ได้กลับไปสู่ภาวะเงินเฟ้ออีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ การ Merge เคยทำให้เกิดภาวะเงินฝืดกับ ETH โดยมีการเบิร์น ETH จากธุรกรรมหลายแสนเหรียญ ไปยังกระเป๋าเงินที่ตายแล้ว (dead wallet)
อย่างไรก็ตามล่าสุด กิจกรรมบนเครือข่าย Ethereum ลดลงแตะจุดต่ำสุดใหม่ อุปทานของ ETH จึงกลับไปสู่ภาวะเงินเฟ้อชั่วคราว เนื่องจากค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ถูกเผา มีไม่เพียงพอที่จะชดเชยระบบกำลังการสร้างเหรียญใหม่ ๆ ออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตเคอเรนซีท่านนี้เปิดเผยว่า อุปทานของ ETH ได้เพิ่มขึ้นถึง 60,000 เหรียญ ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน
หากอุปทานของ ETH ยังคงเพิ่มขึ้นในอัตรานี้ต่อไป Benjamin Cohen ระบุว่า ต้องใช้เวลาถึงเดือนธันวาคมเท่านั้น อุปทานถึงจะกลับไปสู่ระดับเดิม ก่อนที่การเปลี่ยนระบบการ Merge จะเสร็จสมบูรณ์ เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงกลับไปเป็นภาวะเงินฝืดอีกครั้ง มิเช่นนั้นอุปทาน ETH ใหม่นี้อาจส่งผลกระทบต่อเงินทุนที่ไหลเข้าจากกองทุน Spot Ethereum ETF และผลักดันให้ราคา ETH ลดลง แทนที่จะเพิ่มขึ้น
การซื้อขาย Spot ETH ETF ใกล้เข้ามาแล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Chicago Board Options Exchange (CBOE) ได้ประกาศว่า Spot Ethereum ETF ทั้งหมด 5 กองทุนจะเริ่มเปิดให้ซื้อขายในวันที่ 23 กรกฎาคม 2024 กองทุนเหล่านี้ได้แก่ Fidelity (FETH), VanEck (ETHV), 21Shares (CETH), Invesco (QETH) และ Franklin Templeton (EZET) ซึ่งกองทุนทั้งหมดจะแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งสูงสุด
จนถึงขณะนี้ยังมีการแข่งขันกันเรื่องค่าธรรมเนียมโดยแต่ละกองทุนพยายามเอาชนะอีกฝ่ายด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า ตัวอย่างเช่น กองทุน Franklin Templeton เสนอค่าธรรมเนียมเพียง 0.19% เอาชนะ Bitwise และ VanEck ที่เสนอค่าธรรมเนียม 0.2% และแซงหน้า BlackRock, Fidelity และ Invesco Galaxy ซึ่งกำหนดค่าธรรมเนียมกองทุนไว้ที่ 0.25%
ที่มา : bitcoinist