<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Robert F. Kennedy Jr. ประกาศว่าจะซื้อ Bitcoin วันละ 550 BTC เพื่อเป็นทุนสำรองของสหรัฐฯ หากชนะการเลือกตั้ง 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในงาน Bitcoin 2024 เมื่อวานนี้ Robert F. Kennedy Jr. ได้เสนอแนวคิดที่ค่อนข้างสุดโต่งเกี่ยวกับแผนการของเขาที่จะรวม Bitcoin เข้ากับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หากเขาชนะการเลือกตั้ง

ซื้อ Bitcoin ทุกวันและใช้มันเพื่อเสริมสร้างระบบการเงินของสหรัฐฯ

Kennedy ประกาศสิ่งนี้เนื่องจากเขาต้องการโอน Bitcoin จำนวน 204,000 BTC ที่กระทรวงยุติธรรมและเจ้าหน้าที่ US Marshalls เก็บไว้ไปยังธนาคารกลางสหรัฐฯ

เขาเรียก Bitcoin ว่าเป็น “สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์” ซึ่งเขาคิดว่าจะช่วยให้สหรัฐฯ ก้าวขึ้นมาบนเวทีโลกได้ เขาต้องการให้กระทรวงการคลังซื้อ Bitcoin วันละ 500 BTC จนกว่าทุนสำรองจะถึง 4 ล้าน BTC

เขาอ้างว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะทำให้สหรัฐฯ อยู่ในกลายเป็นประเทศที่จะได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยที่ Bitcoin อาจมีมูลค่า “หลายร้อยล้านล้านดอลลาร์” ในอนาคต

การเปลี่ยนแปลงภาษีและกฎเกณฑ์ทางการเงินด้วย Bitcoin

Kennedy ยังกล่าวอีกว่า เขาต้องการให้ธุรกรรม Bitcoin ทั้งหมดไม่ต้องรายงานและไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งหมายความว่ากรมสรรพากรจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง เขากล่าวว่าสิ่งนี้จะทำให้ผู้คนมี “อิสระในการทำธุรกรรม” เช่นเดียวกับเสรีภาพในการพูด

เขากล่าวเสริมว่าเขาต้องการให้ Bitcoin มีสิทธิ์ในการแลกเปลี่ยนเป็นอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โปรแกรม 1031 Exchange ซึ่งจะช่วยยกเว้นภาษีสำหรับการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์

เขาหวังว่าการรวม Bitcoin เข้ากับระบบการเงินของสหรัฐฯ จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและนวัตกรรมได้ Kennedy กล่าวว่า Bitcoin จะช่วยทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ กลับไปอยู่ในยุครุ่งเรืองอีกครั้ง เหมือนกับช่วงก่อนที่มาตรฐานทองคำจะถูกยกเลิกในปี 1970

Kennedy เรียกสกุลเงิน Fiat ของอเมริกาหรือ “เงินดอลลาร์” ว่าเป็นเครื่องมือในการระดมทุนสำหรับสงคราม เขาพูดไปไกลถึงขนาดว่ามาตรฐาน Bitcoin อาจป้องกันความขัดแย้งได้ เนื่องจากคุณไม่สามารถพิมพ์ Bitcoin เพื่อระดมทุนสำหรับสงครามได้

แผนการรวม Bitcoin ของเขายังเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติด้วย โดยเขาได้ให้ Jason Lowery พันตรีแห่งกองทัพอวกาศมาเป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ

Jason Lowery เป็นที่รู้จักจากแนวคิดแปลกๆ หลายอย่าง เช่น การมองว่า Bitcoin เป็น “ระบบป้องกันไซเบอร์” และเป็นวิธีการแสดง “Soft power” ให้โลกเห็น

Source: Cryptopolitan