Timothy Peterson กล่าวว่า 67% ของกรณีที่เกิด death cross สำหรับราคาของ Bitcoin ราคาจะมีการฟื้นตัวขึ้นภายใน 2 เดือนหลังจากการเกิด death cross
ราคา Bitcoin กำลังใกล้เข้าสู่จุด “Death Cross” ซึ่งโดยปกติถือเป็นสัญญาณขาลง แต่ข้อมูลในอดีตชี้ให้เห็นว่า มักจะมีการฟื้นตัวขึ้นตามมาหลังจากนั้น
นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า ราคา Bitcoin อาจลดลงไปถึงระดับ 40,000 ดอลลาร์ก่อนที่ราคาจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบต่อไป ขณะเดียวกัน เจ้าหนี้ของ Mt. Gox กำลังถือครอง Bitcoin ของพวกเขา ซึ่งช่วยทำให้ตลาดมีความเสถียร ในขณะที่ Morgan Stanley ก็ได้อนุญาตให้ที่ปรึกษาทางการเงิน 15,000 คน เริ่มแนะนำกองทุน Bitcoin ETF ให้กับลูกค้า
Death Cross ของ Bitcoin อาจนำไปสู่กำไร ได้หรือไม่?
ราคา Bitcoin กำลังใกล้เข้าสู่จุด “Death Cross” อย่างรวดเร็ว แต่มีนักวิเคราะห์คริปโตรายหนึ่งเชื่อว่า มันอาจไม่ใช่สัญญาณขาลงที่ร้ายแรงอย่างที่คิด โดยอิงจากรูปแบบในอดีต เขามองว่านี่อาจเป็นกับดักขาลง ก่อนที่ราคา Bitcoin จะพุ่งเข้าสู่ช่วงขาขึ้นครั้งใหญ่
Death Cross เป็นสัญญาณที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย (SMA) 50 วันของราคาตลาดของสินทรัพย์ตัดลดลงมาต่ำกว่าเส้น SMA 200 วัน ซึ่งเป็นสัญญาณของโมเมนตัมขาลง
อย่างไรก็ตาม ในอดีต ตัวชี้วัดนี้มีประวัติการทำนายแนวโน้มราคาในอนาคตที่ไม่ดีนัก และมักส่งผลให้เกิด “กับดักขาลง” ซึ่งเป็นการกลับตัวของการเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง ทำให้นักเทรดเดอร์ต้องปิด short positions
นักวิเคราะห์ Bitcoin อย่าง Timothy Peterson ได้แชร์กราฟสถิติราคาในอดีตที่แสดงผลการดำเนินงานของราคา BTC ในช่วง 1 เดือนถึง 2 เดือน หลังจากเกิด death cross เขาชี้ให้เห็นว่า นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา มี death cross เกิดขึ้น 8 ครั้ง โดย 67% ของการเกิด death cross ทั้งหมด ราคา BTC จบลงด้วยการพุ่งขึ้นภายใน 2 เดือนหลังจากการเกิด และผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +18%
Bitcoin ยืนยันการเกิด death cross เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2023 ซึ่งก่อให้เกิดกับดักขาลง โดยราคา BTC ร่วงลงต่ำสุดที่ระดับ 24,000 ดอลลาร์ ก่อนที่ราคาจะพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลใหม่ในวันที่ 14 มีนาคม 2024 สิ่งนี้บ่งชี้ว่า death cross อาจไม่น่าเชื่อถือมากนัก เมื่อใช้เป็นตัวชี้วัดเพียงเครื่องมือเดียว
นักวิเคราะห์รายหนึ่งชื่อ Trader Tardigrade สนับสนุนทฤษฎีกับดักขาลง และระบุว่า การร่วงดิ่งลงของราคา Bitcoin ไปสู่ระดับ 49,000 ดอลลาร์ล่าสุดอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงครั้งใหม่
Trader Tardigrade ได้แชร์การวิเคราะห์กราฟจากปี 2013 ซึ่งแสดงให้เห็นรูปแบบที่คล้ายกันในปี 2016 ที่นำไปสู่การพุ่งขึ้นแบบพาราโบลาในปี 2017
อย่างไรก็ตาม รูปแบบนี้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และอาจต้องได้รับการยืนยันในรอบปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงสภาวะเศรษฐกิจมหภาคและภูมิรัฐศาสตร์ที่แตกต่างกันในปัจจุบัน
ที่มา : coinpaper