พูดได้เต็มปากเลยว่าเหรียญมีมเป็นสื่อกลางชั้นดีในการดึงดูดผู้คนหน้าใหม่เข้ามายังวงการคริปโต แต่การจะรักษาโมเมนตัมระดับนี้ให้คงอยู่อาจเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ตลอดไป
ในงาน Canada’s Futurists conference เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม Jelena Djuric, CEO ของ Appchain Noble ตั้งประเด็นสงสัยว่า แม้ในขณะนี้กระแสเหรียญมีมจะยังคงร้อนแรง แต่เธอเชื่อมั่นว่า มันไม่สามารถอยู่ในตลาดได้นานนัก
เธอชี้ให้เห็นว่าเหรียญมีมก็เหมือน ICOs เหมือน NFTs ดังเป็นกระแสแต่ก็อยู่ได้ไม่นาน และนี่คือความจริงที่เลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าในขณะนี้วงการคริปโตจะมีเหรียญมีมอยู่มากกว่า 1,673 สกุล และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า $4.1 หมื่นล้าน แต่เธอเชื่อว่าเหรียญมีมเป็นเพียงแค่กระแสความคลั่งไคล้ของนักลงทุนรายย่อยเท่านั้น
Djuric เปรียบเทียบกรณีของ ICO มันคือโอกาสทองของนักลงทุนรายย่อยที่อยากจะทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งต่อให้ในปัจจุบันคุณจะเปิดตัวโปรเจกต์ มันก็ไม่น่าตื่นตา หรือทำผลกำไรได้มากเท่าช่วงปี 2017 ที่มีการเปิดตัวกระแส ICO boom ด้วยมูลค่าตลาดที่ $4.9 พันล้าน ก่อนจะกระโดดขึ้นไปถึง $3.3 หมื่นล้านในปีถัดมา และร่วงลงสู่ $370 ล้านในปี 2019
เมื่อยุค ICO ล่มสลาย NFT จึงรับไม้ต่อและกลายเป็นกระแสโด่งดังในปี 2020-2021 ซึ่งผลงานที่แพงที่สุดสามารถขายไปได้ถึง $69 ล้าน ก่อนที่กระแส NFTs จะซบเซาลงอย่างหนักในปีต่อ ๆ มา
กระทั่งปี 2023-2024 เหรียญมีมได้ผงาดขึ้นถูกช่วงถูกจังหวะ ด้วยความที่ค่าแก๊สบนเชน solana ที่ถูกเป็นอย่างมากทำให้ผู้ใช้งานต่างหลั่งไหลเข้ามาดังคลื่นลูกใหญ่ จนทำให้เกิดวอลุ่มการเทรดมหาศาล ขณะเดียวกันด้านความนิยมและการเข้าถึงก็ง่ายกว่าคลื่นลูกที่ผ่าน ๆ มา
ในขณะเดียวกันนาย Dean Skurka จากบริษัทจัดการสินทรัพย์ WonderFi กล่าวว่า เหรียญมีมแม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้ทำให้คนร่ำรวยขึ้นแต่อย่างน้อยมันก็ช่วยดึงให้คนเข้ามายังพื้นที่แห่งนี้มากขึ้น อีกทั้งผู้คนที่เจ็บตัวจากเหรียญมีมจะเริ่มจดจำว่าพวกเขาควรที่แบ่งพอร์ตกระจายความเสี่ยงการลงทุน และเริ่มหันมาให้ความสนใจกับเหรียญจำพวก Bitcoin หรือ Ethereum มากขึ้น
อย่างไรก็ตามอนาคตของเหรียญมีมจะเดินตามรอย ICOs หรือ NFTs หรือไม่ ยังไม่มีความแน่ชัดในขณะนี้ และนักลงทุนก็ควรที่จะติดตามสถานการณ์ในตลาดต่อไปว่า memecoin จะได้ไปต่อหรือจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกระแสไวรัลที่ผ่าน ๆ มา
ที่มา : Cointelegraph