กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้ออกมาเรียกร้องเมื่อวัน 15 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า การเพิ่มค่าไฟสำหรับนักขุดคริปโต และธุรกิจ AI Data Center ขึ้น อาจมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก
“การเพิ่มภาษีค่าไฟกับนักขุดคริปโตจะช่วยเพิ่มรายได้ของรัฐบาลปีละ 5,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงปีละ 100 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนของประเทศเบลเยียมในปัจจุบัน” IMF เขียน
IMF เสนอว่าให้ตั้งค่าไฟอยู่ที่ $0.047 ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงสำหรับไฟฟ้าที่ถูกใช้โดยนักขุดคริปโต ซึ่งมันอาจช่วยลดการปล่อยก๊าซได้อย่างมาก นอกจากนี้การเพิ่มค่าไฟอาจเพิ่มขึ้นไปถึง $0.089 ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง หากคิดรวมกับค่าปล่อยมลพิษทางอากาศ ซึ่งจะถือเป็นการเพิ่มต้นทุนไฟฟ้าให้นักขุดมากถึง 85%
ทั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การเพิ่มค่าไฟดังกล่าวจะลดการปล่อยก๊าซโดยตรงหรือไม่ เนื่องจากนักขุดมักจะมองหาทางเลือกในประเทศที่มีต้นทุนไฟฟ้าถูกกว่าเสมอ
นอกจากนี้ IMF ยังระบุว่าธุรกิจกลุ่ม AI Data Center ควรถูกกำหนดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ $0.032 ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือ $0.052 หากรวมค่าปล่อยมลพิษทางอากาศ โดยมาตรการนี้อาจสร้างรายได้ให้รัฐบาลมากถึง 18,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
IMF มีการประเมินว่าผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขุดคริปโตและ AI Data Center ประดิษฐ์รวมกัน ณ ปัจจุบันคิดเป็น 2% ของการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก และคิดเป็นเกือบ 1% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก
นอกจากนี้ IMF ยังคาดการณ์ล่วงหน้าอีกว่า แค่เพียงธุรกิจขุดคริปโตอย่างเดียว อาจก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.7% ของทั่วโลกภายในปี 2027
อย่างไรก็ตาม IMF ยอมรับว่าการขึ้นภาษีค่าไฟดังกล่าวจำเป็นต้องเป็นความร่วมมือในระดับโลกเพื่อประสานงานและปิดช่องว่างในกฎหมายที่อาจทำให้นักขุดย้ายไปต่างประเทศและทำให้ความพยายามเหล่านี้ล้มเหลว
ที่มา:decrypt