ในรายการพอดแคสต์ Wealthion ตอนล่าสุด โจ แมคแคน ผู้ก่อตั้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Asymmetric กองทุนเฮดจ์ฟันด์ต้นทุนคริปโต ได้ร่วมพูดคุยกับ แอนโทนี สการามุชชี ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการร่วมของ SkyBridge Capital บริษัทลงทุนทางเลือกระดับโลก ซึ่งเป็นการพูดคุยที่น่าสนใจและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง
ธนาคารกลางสหรัฐและสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคระดับโลก
โจ แมคแคน เริ่มต้นด้วยการแชร์ความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยระบุว่า ธนาคารกลางได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยช้าเกินไป เขาเชื่อว่า เฟดควรเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ต้นปี 2023 และคาดการณ์ว่า จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมภายในเดือนกันยายน ซึ่งโจแนะนำว่า หากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดในเดือนกันยายน อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ เขายังได้พูดคุยเกี่ยวกับศักยภาพของการปรับลดขนาดงบดุล (QT) และวิธีที่สภาพคล่องทั่วโลก ซึ่งขับเคลื่อนโดยการดำเนินการของธนาคารกลาง ที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดโดยรวม
แนวโน้มทางเศรษฐกิจและการกระจายตัวแบบสองโหมด
โจได้แนะนำแนวคิดเรื่องการกระจายแบบสองขั้ว (bimodal distribution) เมื่อพูดถึงมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจ โดยเขาอธิบายว่า แม้ข้อมูลเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยจะบ่งบอกถึงเสถียรภาพความมั่นคง แต่ความเป็นจริงคือ มีประสบการณ์ทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน 2 แบบ: แบบหนึ่งคือ กลุ่มผู้บริโภคที่มีฐานะร่ำรวยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกแบบหนึ่งคือ กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องประหยัดรายจ่ายมากกว่ากำลังดิ้นรนเผชิญความยากลำบาก ความแตกต่างนี้เห็นได้ชัดในภาคธุรกิจ อย่างร้านอาหารหรูที่กำลังเฟื่องฟู ในขณะที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างแมคโดนัลด์กำลังเผชิญปัญหาความท้าทาย ซึ่งโจโต้แย้งว่า ข้อมูลเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยไม่สามารถสะท้อนความแตกต่างเหล่านี้ได้ ทำให้ภาพรวมสุขภาพของเศรษฐกิจผิดเพี้ยนไป
สถานะของตลาด Crypto และแนวโน้มของ Bitcoin
เมื่อพูดถึงตลาดคริปโต โจได้แชร์มุมมองเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ Bitcoin แม้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับ กองทุน Bitcoin ETFs และความเสถียรของราคา แต่ Joe McCann ตั้งข้อสังเกตว่า Bitcoin ยังไม่สามารถทำลายสถิติสูงสุดใหม่ได้เนื่องจากขาดแรงซื้อที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม เขายังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของ Bitcoin โดยคาดการณ์ว่า การฉีดสภาพคล่องทั่วโลกและนโยบายของธนาคารกลางจะผลักดันราคาให้สูงขึ้นในที่สุด โดยเขาชี้ให้เห็นว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (options) ของ Bitcoin ส่วนใหญ่มีราคาเป้าหมายอยู่ที่ระดับ 100,000 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่า ระดับทางจิตวิทยานี้อาจถึงได้ภายในสิ้นปี ซึ่งโจเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า Bitcoin ไม่น่าจะลดลงไปอยู่ที่ระดับราคาปัจจุบันที่ประมาณ 30,000 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้
Solana : ม้าแข่งที่เร็วที่สุดในคริปโต
โจแสดงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าใน Solana ซึ่งเขาเชื่อว่า เป็นบล็อกเชนที่เร็วที่สุดและมีศักยภาพในการแซงหน้า Ethereum เขาเปรียบเทียบสงครามสมาร์ทโฟนยุคแรก (Blackberry vs. iPhone) และการแข่งขันระหว่าง Ethereum กับ Solana ในปัจจุบัน โดยกล่าวว่า สถาปัตยกรรมการประมวลผลแบบ parallel ที่ทันสมัยใหม่ของ Solana นั้นเหนือกว่า การออกแบบแบบ single-threaded ที่ล้าสมัยของ Ethereum ตามที่โจกล่าว Solana ได้ “พลิกทุกตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับ Ethereum” ไปแล้ว รวมถึงปริมาณการซื้อขายแบบกระจายศูนย์ , ธุรกรรม และลายเซ็นกระเป๋าเงิน ความมั่นใจของเขาใน Solana สะท้อนให้เห็นจากการกลยุทธ์การซื้อขายของเขา ซึ่งเขาเลือกที่จะถือครอง Solana ในระยะยาว เมื่อเทียบกับ Ethereum เนื่องจากความสามารถทางเทคนิคที่เหนือกว่าและส่วนแบ่งการตลาดที่เติบโตของ Solana
สร้างพอร์ตโฟลิโอคริปโตแบบกระจายความเสี่ยง
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตโฟลิโอคริปโตแบบกระจายความเสี่ยง โจแนะนำแนวทางแบบ barbell โดยการสร้างสมดุลระหว่าง Bitcoin กับ Solana โดยเขาแนะนำให้จัดสรรเงินลงทุนส่วนใหญ่ไปยังสินทรัพย์ทั้งสองนี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงของนักลงทุน ซึ่โจยังกล่าวถึงศักยภาพของการรวมเหรียญมีม เช่น Dogecoin ซึ่งให้ผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อเพิ่ม beta ที่สูงขึ้นให้กับพอร์ตโฟลิโอ
มุมมองระดับโลกต่อตลาด Crypto
สุดท้ายนี้โจเน้นย้ำถึงลักษณะทั่วโลกของตลาดคริปโต โดยสังเกตว่ากิจกรรมการซื้อขายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาเชื่อว่า การพัฒนาในประเทศจีน โดยเฉพาะในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ จะมีผลกระทบอย่างมากต่อเส้นทางของตลาดคริปโต อย่างไรก็ดีโจยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดคริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพคล่องทั่วโลกยังคงดีขึ้น และสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด
ที่มา : cryptoglobe