อุตสาหกรรมคริปโตนั้นเต็มไปด้วยคนเพี้ยน ๆ ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะตัวอุตสาหกรรมเองก็ถูกก่อตั้งมาโดยกลุ่มคนสุดโต่งด้านความคิดต่อต้านทุนนิยม รวมไปถึง software geeks และอื่น ๆ ทำให้ปัจจุบันมันก็มีโปรเจกต์ต่าง ๆ ผุดขึ้นมามากมาย ซึ่งในบทความนี้จะพาทุกท่านมาพบกับ 8 โปรเจกต์ crypto ที่มีไอเดียแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
1. Dentacoin เมื่อบล็อกเชนเจอกับหมอฟัน
โปรเจกต์ถูกก่อตั้งขึ้นใน Netherlands เมื่อปี 2017 ซึ่ง Dentacoin Foundation มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้การทันตกรรมสมัยใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการใช้ utility token เพื่อรับรางวัล หรือใช้จ่ายค่าบริการ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถได้มันมาจากการตอบแบบสอบถามด้านสุขภาพ หรือหมั่นไปพบหมอฟันบ่อย ๆ ทว่าแม้จะดูเป็นความฝันที่ดีแต่ด้วยการใช้งานที่เจาะจงเกินไปเหรียญ DCN ก็แทบจะไม่ขยับในปัจจุบันและมีมูลค่าตลาดเพียง $235,000 เท่านั้น
2. ลัทธิบูชา Cthulhu ด้วย crypto
Cthulhu เป็นสัตว์ประหลาดในนิยายของ H.P. Lovecraft ซึ่งถูกระบุไว้ว่าเป็นรูปแบบของพลังอำนาจที่มนุษย์มิอาจเข้าใจ ซึ่งก็ได้มีคนออกโทเค็น Cthulhu (FHTAGN) ออกมาโดยเริ่มต้นมาจาก online forums ในปี 2013 ซึ่งมันก็ไม่ได้มีประโยชน์ใด ๆ นอกเหนือจากให้กลุ่มแฟนคลับมีอะไรใช้งาน และส่งหากัน โดยสมมติกันว่าตัวโทเค็นเป็นของเซ่นไหว้ ขณะที่ผู้ถือเหรียญจะเป็นคนในลัทธิ
ทั้งนี้ด้วยความที่มันเป็นตัวละครยอดนิยมก็ได้มีคนกลุ่มอีกกลุ่มสร้างเหรียญ Cthulu (CTHULU) ฉบับน่ารักขึ้นบนเชนของ Solana โดยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างความตระหนักรู้ถึงสิ่งมีชีวิตบนท้องทะเล และได้ทำการบริจาคให้องค์กรที่เกี่ยวข้องอยู่เป็นระยะ
3. Spank Chain โทเค็นเว็บหนังผู้ใหญ่
ถ้าหากคริปโตถูกจำกัดความว่าเป็นเงินบนอินเทอร์เน็ต มันก็คงขึ้นอยู่กับเวลาที่เทคโนโลยีตัวนี้จะไปเจอเข้ากับอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ โดยตัวมันเปิดตัวในยุค ICO boom ซึ่ง SpankChain จะถูกใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าบริการให้กับนักแสดงหนัง สิ่งนี้จะช่วยเข้ามาทำให้นักแสดงมีรายได้มากขึ้นแทนที่จะถูกหักรายได้ที่ได้จากเงินเฟียต ทว่าโปรเจกต์ดังกล่าวก็ต้องล่มในปี 2023 เพราะไม่มีคนใช้งาน ถึงแม้ว่าจะนำดาราดังมาช่วยโฆษณาแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตามมีข่าวลือว่าพวกเขาอาจจะกลับมาอีกครั้งหนึ่งในอนาคตและเปิดให้ผู้ใช้งานเริ่มลงทะเบียนใหม่แล้ว
4. ตำนาน Trump Coin
แม้ว่าในปัจจุบันจะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าตัวของ Donald Trump นั้นหันกลับมาสนับสนุนคริปโต และมีการเหรียญมีม Trump เกิดขึ้นมากมายแต่ใครจะไปทราบว่าเหรียญล้อเลียนเขาตัวแรกถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2016 ในชื่อของ Trump Coin ก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็น FreedomCoin (FREE) ทว่ามันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าเหรียญ MAGA หรือ TrumpCoin (DJT) บน Solana ที่มีมูลค่าตลาดกว่า $1.43 ล้าน ซึ่งเป็นผลมาจากดราม่าการหาตัวคนสร้างเหรียญที่ตอนแรกเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับ Trump
5. เหรียญสายปุ๊น
ในช่วงของการ ICO boom อุตสาหกรรมสายเขียวก็ได้เข้ามายังโลกของคริปโตด้วย เพราะกฏหมายการแบนกัญชาส่งผลให้ผู้เพาะปลูก หรือจัดจำหน่ายไม่สามารถทำธุรกรรมกับธนาคารได้ทำให้คริปโตกลายเป็นที่พึ่งของพวกเขา ซึ่งก็ได้มีเหรียญต่าง ๆ ออกมามากมายไม่ว่าจะเป็นเหรียญบ้อง Potcoin (POT) หรือ HempCoin (THC) และ CannabisCoin (CANN) อย่างไรก็ตามความนิยมในการใช้งานของเหรียญเหล่านี้ก็สู้ Bitcoin ไม่ได้ทำให้โปรเจกต์ดับสลายลงไปในที่สุด
6. เหรียญ Ethereum ที่ใช้การไม่ได้
ตรงตามชื่อของมันเลยกับ Useless Ethereum Token (UET) ที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นโจ๊กทำอะไรไม่ได้สมชื่อ ขนาดเว็บไซต์ยังระบุชัดเจนว่าสร้างมาโดยไม่มีวัตถุประสงค์ หรือมูลค่า โดยทางผู้สร้างเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาตระหนักรู้แล้วว่านักเทรดไม่ได้สนใจในตัวผลิตภัณฑ์ แต่ต้องการลงทุนด้วยเงินเล็กน้อยและเฝ้ารอกราฟว่าเมื่อไร ราคาจะขึ้นจะได้รีบถอนเงินออก ทำให้เขาตัดสินใจ ICO โปรเจกต์ดังกล่าวและระดมทุนได้ถึง $300,000 ทว่ากลับไม่มีรายงานว่าเขานำเงินจำนวนนั้นไปทำอะไรต่อ
7. Garlicoin เหรียญที่เชิดชูคอมมู และ กระเทียม
อีกหนึ่งโปรเจกต์ที่สร้างขึ้นมาเอาฮาตั้งแต่ปี 2018 โดยชูดจุดเด่นในเรื่องของคอมมูนิตีที่ทุกวันนี้ยังคงอยู่ และ กระเทียม! รวมถึงสายพันธุ์ของกระเทียม ซึ่งถึงแม้ราคาจะไม่ขยับแล้วแต่ชุมชนยังคงแข็งขันและทำขนมปังกระเทียม มาอวดกันอยู่
8. Memecoin ตัวจริง : Dogecoin
ลำดับสุดท้ายจะไม่พูดถึงก็ไม่ได้สำหรับเหรียญมีม Dogecoin ที่นำมีมสุดโด่งดังอย่างเจ้าหมาคาโบสุ หรือที่รู้จักกันในนาม DOGE มาแปลงเป็นเหรียญคริปโต ซึ่งมันก็ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งจุดกำเนิดของมันที่ผู้สร้างอย่าง Billy Markus และ Jackson Palmer มองไว้ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเรื่องล้อเลียนขบขัน ทว่าในปัจจุบันโปรเจกต์ได้โตขึ้นอย่างมากจนถึงขนาดติดอันดับท็อป ๆ ของโปรเจกต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาด และทำให้เกิดเหรียญมีมตามมาอีกมากมาย
ทั้งนี้โปรเจกต์ทั้งแปดเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น และไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นโปรเจกต์ที่แปลกประหลาดมากกว่านี้ก็เป็นได้ เพราะเราอาจจะมีคนเพี้ยน ๆ อยู่อีกมากในวงการคริปโตเคอร์เรนซี
ที่มา : Cointelegraph