OpenSea ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน NFT อันดับต้น ๆ ของวงการ ได้รับคำเตือนอย่างไม่คาดคิดจาก ก.ล.ต.สหรัฐฯ (SEC) เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเผชิญกับการฟ้องร้องทางกฎหมาย หลังจากที่ SEC ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่ากำลังพิจารณาดำเนินคดีกับบริษัท โดยอ้างว่า บริษัท NFT รายนี้อาจละเมิดกฎหมาย ‘หลักทรัพย์’
ข่าวที่ไม่คาดคิดนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับชุมชนคริปโต รวมถึงสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครตอย่าง Wiley Nickel ที่กล่าวโทษว่า SEC กำลังใช้อำนาจในทางที่ผิดอย่างโจ่งแจ้ง โดยพยายามควบคุมกฎระเบียบผ่านการบังคับใช้กฎหมายอีกครั้ง
จนถึงขณะนี้ SEC ได้ปล่อยให้การจัดประเภทของ NFT ยังคงคลุมเครืออยู่ และตลาดซื้อขาย NFT ส่วนใหญ่นั้น ยังคงเข้าใจว่า NFT ไม่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ SEC
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการกับ OpenSea ครั้งนี้ SEC กำลังพยายามที่จะควบคุม NFT ให้อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อธุรกิจของบริษัทหลายแห่งที่ก่อตั้งขึ้นในอุตสาหกรรม NFT
Devin Finzer ซีอีโอของ OpenSea ได้ประกาศบนโซเชียลมีเดีย X ถึงการตัดสินใจของ SEC ในการออกหนังสือแจ้งเตือนมาสู่ OpenSea ซึ่งเป็นคำเตือนเกี่ยวกับการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โพสต์ของเขาได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งเชื่อว่า SEC กำลังดำเนินการใดๆ ในลักษณะที่ไม่สุจริตเพื่อต่อต้านอุตสาหกรรมคริปโต
ในขณะที่นักวิจารณ์ยังชี้ให้เห็นอีกว่า การตัดสินใจของ SEC ที่อาจจะจัดให้ NFT เป็น ‘หลักทรัพย์’ นั้น เท่ากับการจัดให้ผลงานศิลปะทางกายภาพ (ของจริง) เป็น ‘หลักทรัพย์’ เช่นกัน ซึ่งจะขัดแย้งกับความเข้าใจทางกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน
Brian Frye ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย NFT และหลักทรัพย์จากมหาวิทยาลัย Kentucky กล่าวว่า “ตลาด NFT เหมือนกับตลาดศิลปะ ซึ่งมีอยู่ก่อนที่ SEC จะถูกสร้างขึ้นมา และ SEC ก็ไม่เคยควบคุมตลาดนี้เลย ถ้า SEC คิดว่าตลาดศิลปะเป็นตลาด ‘หลักทรัพย์’ ก็ควรพูดมันออกมาและพยายามควบคุมมันให้ได้ ถ้าไม่ใช่ ก็ควรปล่อยให้ OpenSea ทำงานของพวกเขาต่อไปโดยไม่ควรไปขัดขวาง”
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน OpenSea เองได้สาบานว่าจะต่อสู้กับการจัดประเภทของ SEC และยังเสนอเงินจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือศิลปินอิสระ นักสร้างสรรค์ และนักพัฒนาที่อาจต้องเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายอันเนื่องมาจากการจัดประเภทของ SEC
ที่มา:yahoo.finance