การเลือกตั้งสหรัฐ ฯ ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ถูกกำหนดไว้ว่าจะเป็น ปัจจัยสำคัญที่จะชี้ชะตาตลาดคริปโต เพราะถ้าหาก Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง ชาวคริปโตอาจจได้มีเฮ เพราะเขานั้นเป็นหัวหอกคนสำคัญที่ออกมาสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต
ในทางกลับกันถ้าหาก Kamala Harris เป็นผู้ชนะงานเลี้ยงก็อาจจะไม่ได้ครึกครื้นเท่าไรนัก แต่ทว่าล่าสุดผู้จัดการกองทุนแห่งหนึ่งได้ออกมาให้ความเห็นว่าไม่ว่าใครจะชนะก็ไม่สามารถที่จะมาหยุดยั้งขาขึ้นรอบนี้ของ Bitcoin ได้
CK Zheng หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของกองทุน ZX Squared Capital เปิดเผยว่าผลกระทบของเหตุการณ์ Bitcoin halving มักจะนำมาซึ่งขาขึ้นครั้งใหญ่ และในวัฏจักรนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะเริ่มต้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 นี้ ซึ่งตรงกับช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ
เขายังกล่าวด้วยว่าในปัจจุบันแคนดิเดตปธน.ทั้งสองยังคงไม่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้และการขาดดุลที่เกิดขึ้นในสหรัฐ ฯ ได้ทำให้ข่าวนี้ถือเป็นผลดีสำหรับตัวของ Bitcoin มากไปกว่านั้นเมื่อมองสถิติที่ผ่านมาจะพบว่าความไม่แน่นอนในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐฯ มักทำให้ Bitcoin ได้ประโยชน์ และครั้งนี้เองก็ไม่ต่างกัน
นอกจากนี้ ข้อมูลสถิติจาก CoinGlass ยังแสดงให้เห็นว่า ในไตรมาส 4 ของทุกปี เป็นช่วงที่ Bitcoin มีการเติบโตโดดเด่นมากที่สุด โดยในอดีตเคยทำกำไรมากกว่า 50% ถึง 6 ครั้งตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเป็นปีที่เกิดการ Halving ครั้งแรก และในการ Halving ครั้งล่าสุด Bitcoin ก็พุ่งขึ้นกว่า 168% ซึ่งตรงกับปีที่มีการเลือกตั้งสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสที่ราคาจะพุ่งสูงได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม Samantha Yap ผู้ก่อตั้งบริษัท PR บน Web3 กลับมองว่า ราคาของ Bitcoin ที่จะพุ่งทะยานถือเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสนใจในกลุ่มนักลงทุนรายย่อยต่างหาก เพราะเมื่อมีคนสนใจมากขึ้น สื่อก็จะเริ่มนำเสนอข่าว เป็นผลให้คนหมู่มากเริ่มเกิดความสนใจ เป็นผลให้ทั้งอุตสาหกรรมเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมีการยอมรับการใช้งานมากขึ้น
ที่มา : Cointelegraph