เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ทาง Siam blockchain ได้รับเกียรติในการเข้าร่วมงานเสวนาพิเศษ เกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ในหัวข้อ “Decoding: Is FY24 The Best Year For Crypto?” ปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดของการลงทุนในคริปโตจริงหรือไม่?
ซึ่งเป็นงานของทาง Binance TH ที่จัดขึ้นโดยบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ณ Central Embassy โดยในงาน “อ.ตั๊ม” พิริยะ สัมพันธารักษ์ และ “ดร. เอ็ม” ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน ได้มาร่วมพูดคุยเสวนาเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง Super Cycle
“อ.ตั๊ม” พิริยะ สัมพันธารักษ์ อธิบายเกี่ยวกับ Super Cycle โดยเริ่มต้นกล่าวว่า จริงๆ มันเป็นเรื่องตลกละกัน พูดง่ายๆ คือ บางทีเราก็อยากจะกาวเพื่อสุขภาพจิตของเราบ้าง เราเจอตลาดมันขึ้นๆ ลง ๆ
“อ.ตั๊ม” พิริยะ สัมพันธารักษ์ มองว่า นอกเหนือจาก Cycle ของ liquidity Cycle (วัฏจักรการหมุนเวียนของสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ) 4 ปี จริง ๆ มันจะมี liquidity Cycle ที่ไกลกว่านั้น ที่กินเวลาประมาณ 15 ปี เป็น Cycle ใหญ่ ในเชิง micro economics ซึ่งตัวนั้นมันมาลงจังหวะพอดีด้วย
เราจะสังเกตว่า ที่ผ่านมา 15 ปี จะอยู่ใน Cycle เดียว ซึ่งพอจากครึ่งหลังของ Cycle สิ่งที่มันแสดงออกมาใน Bitcoin ก็คือ การขึ้นของ Bitcoin น้อยลง ๆ เรื่อย ๆ เพราะอยู่ในช่วงที่ liquidity Cycle ใหญ่ของโลก ค่อย ๆ ลดลงๆ แล้วตอนนี้ มันค่อนข้างกลับตัว เข้าไปอยู่ทางฝั่งขาขึ้น เพราะฉะนั้น อาจจะมองว่า 15 ปี ที่ผ่านมา คือ 1 อาค ของ liquidity Cycle ตัวใหญ่นี้ก็ได้
แล้ว 15 ปีต่อไปคือ อีกอาค นึง ซึ่งมัน co-insight กับสิ่งที่ผมเคยพูดอยู่เรื่อย ๆ ว่า 15 ปีที่ผ่านมาเป็นยุคสมัยของ retail investor ที่จะเข้าไปจับจอง เรียกว่าไปจับจองที่ดินกลางแมนฮันตันก่อนที่คนจะย้ายเข้ามาอยู่
retail investor คือ คนตัวเล็ก ตัวน้อย แม้กระทั่ง Nerd, geek และพวกคนบ้าในยุคแรกที่ถือ bitcoin มันโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ
แต่ว่าตอนนี้มันจะอีกยุคหนึ่งแล้ว เพราะว่าสิ่งที่มา ที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีการอนุมัติกองทุน Spot bitcoin ETF มันจะยกระดับในส่วนของตัว bitcoin ให้มัน accessible เข้าถึงได้สำหรับ traditional investor ในกลุ่มสถาบัน
แล้วก็ในลักษณะเดียวกัน คือในกลุ่มประเทศชาติต่าง ๆ ที่เริ่มเข้ามาถือ bitcoin มากขึ้นเพราะฉะนั้น Played ที่เข้ามา นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มันเป็น Played ในอีก Level of magnitude หนึ่ง ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับ retail
อ.ตั๊ม” พิริยะ สัมพันธารักษ์ กล่าวเสริมว่า เพราะฉะนั้นในมุมมองที่ทำไมเราถึงเรียกว่า Super Cycle เราอาจจะมอง 15 ปีที่ผ่านมา เมื่อ Zoom out ไปดู สมมติ 20 ปี ข้างหน้า เรามองย้อนกลับมาดู เราจะเห็นว่า 15 ปีที่แล้ว มันเล็กนิดเดียวเอง อันนี้ก็กาวนะ แต่ว่า มันไม่ได้แปลว่ามันจะต้องเกิดขึ้น และมันไม่เคยมี president ว่ามันเกิดขึ้น เพราะงั้นถ้าพูดถึงเรื่องนี้ เราจะพูดกันในมุมว่าเป็นโจ๊กมากกว่า ว่าบางทีเราก็ฝันเฟื่องได้ แต่ในมุมมองแห่งความจริง เราก็มองว่ามันมี four year Cycle ที่มันพิสูจน์มาแล้ว 3-4 ครั้ง
ส่วน “ดร. เอ็ม” ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษา FWX แพลตฟอร์ม DeFi และอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมถึงเป็นเจ้าของเพจ “ติดเล่า เรื่องลงทุน”เห็นด้วยพร้อมกล่าวเสริมว่า
ผมเติมกาวเข้าไปอีกนิดนึง แต่ว่ามองในรูปแบบของความเป็นเหตุเป็นผล ผมขยายความนิดนึง ถ้าวันนี้เราไปถามคนที่เขาซื้อ Bitcoin เราจะถามเขาว่า เขาเข้าตลาดปีอะไร ตัวเลขที่เราจะเจอคือ 12 -13 ,16 -17 , 20- 21 นี่คือปีที่หากลองถาม คน 9 ใน 10 คน จะเข้าอยู่ใน 3 ช่วงนี้ เรียกว่านับรุ่นกัน โดยคำว่ารุ่นคือ ตอนที่ตลาดมันขึ้นถึงจุดพีคถึงขีดสุด เป็นจุดที่คนเข้าเยอะที่สุด
“ดร. เอ็ม” กล่าวต่อว่า ซึ่งในรอบนี้ ปีถัดมา มันก็คงเป็น 24-25 หรือไม่ก็เป็น 25-26 อยู่แถว ๆ นี้แหละ ทีนี้ถามว่า ทำไมคนถึงเข้ากันในช่วงนั้น แน่นอนว่า มันคือช่วง Halving 4 ปี พอดีที่ตลาดมันพุ่งขึ้น เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่ตลาดมันพุ่งขึ้น มันจะมีคนใหม่วิ่งเข้ามาเสมอ และคนใหม่มันก็จะอยู่ไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ออกจากตลาดไป
ทุกครั้ง Halving คนใหม่ก็จะพุ่งเข้ามาอีก แล้วจะมีส่วนหนึ่งอยู่ แล้วส่วนหนึ่งออกจากตลาดไป
แต่รอบนี้ Intuition เข้ามาแล้ว เพราะงั้น Halving รอบนี้ มือคนใหม่ที่เข้ามา เขาจะไม่ใช่ตาสีตาสา แบบ 4 ปีที่แล้ว มันจะเป็นคนที่มีเงินเยอะมาก ๆ
“ดร. เอ็ม” ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า แล้วอย่างที่มีการบอกว่า ตลาดคริปโตมีมูลค่าทั้งหมด 3 trillion มันคือ แค่หุ้นตัวเดียวของสหรัฐอเมริกา ลองนึกภาพนะ ถ้า Intuition ที่มีเงินเยอะๆ แล้วเขาเข้ามาในรอบนี้ เงินมันจะ inject เข้ามา แล้วมันจะใหญ่กว่าตลาดมาก ๆ มันเลยเป็น ทฤษฎีว่ามันอาจมี Super Cycle เกิดขึ้นได้ในปีนี้ อันนี้มองในเชิงทฤษฎี